บิ๊ก ‘สหพัฒน์’ ยาหอมรัฐบาล ศก.เข้าเกียร์3

07 มิ.ย. 2560 | 05:59 น.
วันนี้ (7 มิ.ย. 60) - หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ สื่อในเครือสปริง กรุ๊ปรายงานว่า “บุณยสิทธิ์” ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยเข้าสู่เกียร์ 3 มั่นใจครึ่งปีหลังเป็นบวก จากผลงานรัฐเร่งสปีดลงทุนต่อและนโยบายอีอีซี เผยพร้อมเทงบอีก 3,000 ล้านบาทเดินเครื่องธุรกิจเครือสหพัฒน์

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจาก 2 ปัจจัย คือ
1. นโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการลงทุนอย่างต่อเนื่องและถือว่ามาถูกทาง
2. การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor:EEC)
ที่เป็นตัวกระตุ้น หากประสบผลสำเร็จจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาเติบโตเหมือนในอดีต ช่วงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งปีนี้เครือสหพัฒน์เตรียมงบประมาณการลงทุนในปีนี้ไม่ตํ่ากว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อการขยายเศรษฐกิจทั้งในสวนอุตสาหกรรมศรีราชา จังหวัดชลบุรี เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก และในจังหวัดกรุงเทพฯ โดยที่ผ่านมาได้มีการระดมเงินทุนด้วยการออกหุ้นกู้มูลค่า 4,000  ล้านบาทผ่านบริษัท สหพัฒน์อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

268

โดยเดือนที่ผ่านมาเครือสหพัฒน์ได้ลงทุนก่อสร้างคลังสินค้ากลางหรือไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี บนเนื้อที่ 50 ไร่ ขนาดพื้นที่ใช้งาน 7.2 หมื่นตารางเมตร เพื่อใช้เป็นคลังสินค้ากลางสำหรับบริษัทในเครือสหพัฒน์ มูลค่าการก่อสร้างและที่ดินรวม 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปีหน้า นอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมทุนกับกลุ่มโตโยโบะ ผู้ผลิตแอร์แบ็คสำหรับรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัท โตโยโบะ สห เซฟตี้ วิฟ จำกัด เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าด้วย ซึ่งการลงทุนที่เครือสหพัฒน์ให้ความสนใจ จะเป็นกลุ่มธุรกิจการบริการพิเศษ ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจไอที ขณะเดียว กันได้ลดขนาดธุรกิจของกลุ่มสิ่งทอลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงด้วย และได้ย้ายฐานการผลิตในจังหวัดกรุงเทพฯ ไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด เช่น โรงงานผลิตถุงเท้า โรงงานทอผ้าลูกไม้ เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของเครือสหพัฒน์ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าจีดีพีของประเทศที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราร้อยละ 2.4 โดยมีสินค้ากลุ่มอาหารที่ยังเติบโตได้ดี กลุ่มเครื่องสำอางค์ยังคงทรงตัว ส่วนกลุ่มเสื้อผ้าลดลง ธุรกิจเครือสหพัฒน์มีทั้งกลุ่มที่เติบโตได้ดี และกลุ่มที่ไม่เติบโต ซึ่งพยายามหาธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมเพื่อสร้างการเติบโต แต่โดยภาพรวมน่าจะยังเติบโตได้ แม้ว่าเครือสหพัฒน์ไม่ได้คาดหวังการเติบโตไว้ก็ตาม หากสามารถสร้างการเติบโตได้น่าจะเป็นเพราะเทรนด์ของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจออนไลน์ที่ถือว่าเติบโตได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์

“เปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยขณะนี้เหมือนขับรถเข้าเกียร์ 3 ที่กำลังเดินเครื่อง ที่เมื่อเข้าเกียร์ 4 จะเป็นการขับรถบนทางเรียบแล้ว ส่วนหากขับรถเกียร์ 1 เหมือนกำลังไต่ขึ้นที่สูงขึ้นเนิน แต่หากเปรียบเทียบเศรษฐกิจประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ยังถือว่าดีกว่าฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ตอนนี้นักลงทุนเริ่มกลับมาลงทุนแล้ว โดยเฉพาะการมีอีอีซีและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเครือสหพัฒน์ชักชวนนักลงทุนให้เข้ามา โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น เช่น การลงทุนโรงงานผลิตสินค้าประเภทพลาสติกที่แม่สอด เพื่อลดต้นทุนแรงงานและค่าขนส่ง เป็นต้น”

ส่วนแนวโน้มกำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจนับจากนี้น่าจะดีขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจซบเซามาปีกว่า รวมถึงจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ทุกส่วนของเศรษฐกิจปรับตัวดีตามมาด้วย

blogmedia-58413