'ฉัตรชัย ศิริไล' ก้าวข้ามความผิดพลาด

10 มิ.ย. 2560 | 01:00 น.
ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) มีการโยกย้ายผู้บริหารทั้งธนาคาร ภายหลัง “ฉัตรชัย ศิริไล”เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่เพียง 15 วัน(เริ่มตั้งแต่ 4พ.ค.2559)ทำให้ใช้เวลาเพียง 1 เดือนดับปัญหาคลื่นใต้น้ำ

ขณะที่พร้อมจะไล่ออกพนักงานหากตรวจพบว่าทุจริต ส่วนพนักงานที่อดีตทำงานแบบหุ่นยนต์ คือ รอให้ลูกค้าพร้อมจึงจะปล่อยสินเชื่อ ซึ่งลูกค้าเองก็ไม่ทราบว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ ยุคนี้เป้าหมายสำคัญพนักงานทุกคนจึงต้องมีPassion ช่วยให้คนที่ต้องการมีบ้านต้องได้มีบ้าน เห็นได้จากการเปิดตัวเครื่องชำระเงินกู้Loan Repayment Machineและสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ 3 ผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อ สร้างและตกแต่งหรือปรับปรุงที่อยู่อาศัย เหล่านี้กลายเป็นจุดสนใจธอส.จากสตอรี่ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง

[caption id="attachment_157824" align="aligncenter" width="503"] ฉัตรชัย ศิริไล ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)[/caption]

ซีอีโอ “ฉัตรชัย”สะท้อนหลักคิดในการบริหารผ่าน“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในฐานะผู้บริหารการตัดสินใจก่อนลงมือทำ ประเด็นเมื่อตัดสินใจทำสิ่งใดแล้วหากเจอปัญหาจะต้องแก้ไขไม่ยกเลิกกลางคัน หากจะให้มองภาพตัวเองเมื่อมีการ Debase กันในที่ประชุมผมคือเบอร์หนึ่ง ด้วยหลักการและเหตุผล มีมีพี่ไม่มีน้อง ในเชิงการบริหารทุกคนเท่ากันเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบ แม้ทั้งห้องประชุมผู้ใหญ่เกษียณก่อนผมทั้งนั้น แต่ออกจากห้องประชุมทุกคนคือ พี่น้อง ที่สำคัญซีอีโอต้องแยกให้ออกระหว่างหัวโขนกับความเป็นจริง

“ซีอีโอเป็นเพียงผู้นำ ไม่ใช่เจ้าชีวิตใคร ยอมรับว่าเป็นคนเฮียบ ต้องการความชัดเจนในการทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าช่วงของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าองค์กรไหนย่อมต้องมีคลื่นใต้น้ำที่มาจากการไม่ยอมรับ ธอส.ก็เช่นกัน ขณะนั้นความแตกแยก ขัดแย้งสูง เมื่อเข้ามาแล้วต้องจริงจัง อย่าง 15วันแรกที่ผมเข้ามาก็ย้ายผู้บริหารทั้งธนาคารเป็นการละลายพฤติกรรม เพราะทำงานมา 20 ปีผมรู้จักทุกคนยืนยันเป็นการย้ายเพื่อเปลี่ยนคนให้ทำงานตามเนื้องานไม่ควรติดยึด โดยสามารถเรียนรู้งานใหม่และตื่นตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการทำงานทุกอย่างเปิดเผยตรวจสอบได้ทำให้ใช้ระยะเวลาเพียง 1 เดือนปัญหาคลื่นใต้น้ำก็หมด”

แม้จะเป็นเวลา 13 เดือนในตำแหน่งซีอีโอ “ฉัตรชัย” หากย้อนไป 20ปีที่แล้ว เริ่มจากพนักงานคอมพิวเตอร์อาวุโส เป็นนักเรียนทุนของธอส.รุ่น 1 ดีกรี Master Of Computer Science จากSyracuse University New York USA หลังสำเร็จปริญญาตรีสถิติศาสตร์บัณฑิต คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นไต่ระดับมาอย่างต่อเนื่อง และรองกรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติการกลุ่มงานสินเชื่อก่อนจะก้าวสู่ซีอีโอคนที่ 13 ในปี 2559

“ฉัตรชัย”บอกว่า ส่วนตัวจะมองความผิดพลาดของคนอื่นที่เกิดขึ้นแล้วนับมาปรับเพื่อไม่ให้เกิดความล้มเหลวขึ้นมาอีกซึ่งแตกต่างจากคนที่ยึดความสำเร็จเป็นต้นแบบ เพราะมองว่าการยึดความสำเร็จของคนมาเป็นตัวตั้งนั้นเมื่อมาทำซ้ำอาจจะสำเร็จหรือไม่ก็ตอบไม่ได้แต่อาจจะนำไปสู่ปัญหา

ส่วนความสำเร็จของซีอีโอธอส.จากนี้ไป ช่วงใดที่ตลาดตึงตัวธนาคารพาณิชย์จะระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ธอส.จะต้องเข้าไปเป็นเครื่องมือดูแลผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย และเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตยั่งยืนผ่านกลไก 3 ด้านคือ การดูแลผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงระบบการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย และเป็นผู้นำสินเชื่อที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง ,ขณะเดียวกันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้มีรายได้สูงด้วย New Business Model จัดทำศูนย์ปฏิบัติการสินเชื่อนครหลวงเป็นBig Data ,บริหารอย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ เป็นต้น

สิ่งที่อยากเห็นหลังครบวาระ 4 ปีจะต้องเตรียมคนรับไม้ต่อบริหารงานโดยไม่สะดุดสำคัญที่สุด คือ องค์กรไม่ควรมีซีอีโอจากภายนอก เพราะหากคนนอกเข้ามาบริหารต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวเช่น ปีที่ 1 ทำความรู้จักพนักงาน ปีที่ 2 เรียนรู้งาน ปีที่ 3 ประคองตัว และปีที่ 4 เตรียมตัวที่จะก้าวออกจากตำแหน่ง นี่คือเหตุผลที่คิดอย่างนั้น ถามว่าถ้าได้คนแบบนี้มานั้งบริหารองค์กรจะได้อะไร เพราะฉะนั้น ส่วนตัวยืนยันว่า ลูกหม้อธอส.ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายไหนก็สามารถทำได้โดยจะต้องเข้าใจ Core Business

[caption id="attachment_157823" align="aligncenter" width="503"] ฉัตรชัย ศิริไล ก้าวข้ามความผิดพลาด ฉัตรชัย ศิริไล ก้าวข้ามความผิดพลาด[/caption]

ซีอีโอ “ฉัตรชัย” ทิ้งท้ายว่าส่วนตัวไม่คาดหวังกับชีวิต เพราะเบอร์ 1 คือจุดสูงสุดของการประกอบอาชีพ อีกทั้งทางข้างหน้าไม่สามารถจะรู้ว่าช่วงที่เหลือสุขภาพจะเป็นอย่างไร หรือบริบทของประเทศจะเป็นอย่างไร ซึ่งหลังครบวาระ ตอนนั้นจะอายุ 49ปีถ้ารับราชการจะเหลือเวลาทำงานอีก 11 ปีซึ่งนั่นคือกำไรชีวิต!!!!!

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,268 วันที่ 8 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560