เวียดนามเล็งเอฟทีเอมะกัน‘ทรัมป์’ยิ้มขายสินค้าไฮเทค8พันล้านดอลล์

05 มิ.ย. 2560 | 09:00 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มิ.ย. 2560 | 14:58 น.
เวียดนามเซ็นสัญญากับภาคเอกชนอเมริกันมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของนายกรัฐมนตรีเหงียน ฟวน ซุก ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้เวียดนามหวังเจรจากรอบการค้าเสรีทวิภาคกับสหรัฐฯ เพื่อทดแทนผลประโยชน์ที่จะสูญเสียไปจากข้อตกลงทีพีพีที่อาจจะเหลือสมาชิกเพียง 11 ประเทศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเหงียน ฟวน ซุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ร่วมหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเทียบขาวในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยเวียดนามได้ตกลงเซ็นสัญญาด้านการค้ากับบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ หลายรายเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อาทิ ข้อตกลงซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องยนต์สำหรับเครื่องเครื่องบินจากบริษัท เจเนอรัล อิเล็กทริก เป็นมูลค่า 5.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

"เวียดนามได้สั่งซื้อสินค้าของสหรัฐฯ เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และเรายินดีกับข้อตกลงในครั้งนี้ ซึ่งหมายถึงการจ้างงานในสหรัฐฯ และอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเวียดนาม" นายทรัมป์ กล่าว

[caption id="attachment_156991" align="aligncenter" width="503"] นายโดนัลด์ ทรัมป์ นายโดนัลด์ ทรัมป์[/caption]

ด้านนายฟุกกล่าวในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อหอการค้าอเมริกันว่า ข้อตกลงในครั้งนี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไฮเทค โดยในขณะที่เวียดนามส่งออกอาหารทะเลและเสื้อผ้ามายังสหรัฐฯ เป็นหลัก แต่ก็ต้องการสินค้า อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง เครื่องบิน และเครื่องจักรจากสหรัฐฯ

เวียดนามเป็นประเทศอาเซียนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 26.6% ของการส่งออกจากอาเซียนไปสหรัฐฯ ทั้งหมด ขณะเดียวกันเวียดนามยังเป็นตลาดส่งออกของสหรัฐฯ ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในอาเซียน โดยเติบโตถึง 77% นับตั้งแต่ปี 2557 เป็น 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ เองได้แสดงความกังวลต่อการขาดดุลทางการค้ากับเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แตะระดับ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อ 10 ปีก่อน

เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี ก่อนการถอนตัวของสหรัฐฯ สถาบันเศรษฐศาสตร์นานาชาติปีเตอร์สันประเมินว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ให้เวียดนาม 8.1% ภายในปี 2573 ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆ และเพิ่มการส่งออกเกือบ 1 ใน 3

ในขณะที่สมาชิกทีพีพีที่เหลือทั้ง 11 ประเทศ ซึ่งรวมถึงเวียดนาม ตกลงที่จะเดินหน้าผลักดันข้อตกลงดังกล่าวต่อไป แม้ว่าผลประโยชน์ทางการค้าที่คาดว่าจะได้รับจะลดลงอย่างมากเมื่อปราศจากสหรัฐฯ แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า เวียดนามหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ระดับทวิภาคีเพื่อเข้ามาทดแทนทีพีพี

อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กทีวีเมื่อเร็วๆ นี้ นายฟุกปฏิเสธที่จะยืนยันว่าเวียดนามมีแผนจะเปิดเจรจาการค้าระดับทิวภาคีกับสหรัฐฯ หรือไม่ เพียงแต่กล่าวว่า ทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพสูงที่จะร่วมมือกันในด้านต่างๆ อาทิ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน การเงิน และเศรษฐกิจดิจิตอล

[caption id="attachment_156272" align="aligncenter" width="503"] เวียดนามเล็งเอฟทีเอมะกัน‘ทรัมป์’ยิ้มขายสินค้าไฮเทค8พันล้านดอลล์ เวียดนามเล็งเอฟทีเอมะกัน‘ทรัมป์’ยิ้มขายสินค้าไฮเทค8พันล้านดอลล์[/caption]

ด้านนายโจนาธาน โมเรโน ประธานหอการค้าอเมริกันประจำเวียดนาม ให้ความเห็นว่า แม้จะเป็นที่น่าเสียดายที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินถอนตัวจากทีพีพี แต่หอการค้าเชื่อว่าจะมีเส้นทางใหม่ในการเพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความตกลงการค้าเสรีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ โดยภาคธุรกิจอเมริกันในเวียดนามพร้อมที่จะสนับสนุนให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นความจริง

ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การผลักดันเจรจาข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆ มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของเวียดนามที่ต้องการลดการพึ่งพาตลาดจีนและเชื่อมโยงกับตลาดโลกมากขึ้น โดยการค้ากับจีนคิดเป็นสัดส่วน 21% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของเวียดนามในปี 2559 ขณะที่การค้ากับสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 14%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,267 วันที่ 4 - 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560