"สายสีส้ม" เจอดี!
ยื้อกันมาพักใหญ่ระหว่าง รฟม.กับเจ้าของที่ดินแปลงงามมูลค่าหมื่นล้าน น.พ.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร ประธานกรรมการบริษัทพริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด(มหาชน) เพื่อเวนคืนสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ซื้อเพราะทำเลดี
ล่าสุด น.พ.พงษ์ศักดิ์ เปิดอกให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงที่มาของที่ดินเจ้าปัญหาว่า เขาได้ซื้อที่ดินแปลงนี้ ต่อจากบริษัท โชคชัยปัญจทรัพย์จำกัด เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เนื้อที่ 34 ไร่ มูลค่า 9,000 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าเป็นทำเลที่ดิน ติดถนนรัชดาภิเษกและติดกับสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯมีรถไฟฟ้าใต้ดิน สีนํ้าเงิน และยังทราบว่า มีรถไฟฟ้าสายสีส้มโดยมีสถานีที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ อีกด้วยเท่ากับว่าบริเวณที่ดินที่ซื้อ
มีรถไฟฟ้า 2 สายทำให้ที่ดินมีศักยภาพมาก
ส่วนราคาที่ดินจะขยับมากแค่ไหน? เขาระบุว่า ราคาที่ดินขยับขึ้นแน่นอนอนาคตที่นี่จะเป็นทำเลที่ดีมาก แต่ก่อนหน้านี้ ที่ดินแปลงนี้เคยเวนคืนสร้างอาคารจอดรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินมาแล้ว ซึ่งเป็นของบริษัทเดิม ก่อนที่จะซื้อ ซึ่งที่ดินที่ซื้อมาพื้นที่บางส่วนจะอยู่หลังอาคารจอดรถ
แผนพัฒนา
ซึ่งแน่นอนว่า เรามีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และตั้งใจว่าจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม และมีแผนพัฒนาโครงการอื่นๆ อีกหลายอย่างบนพื้นที่ตรงนี้ คือ พัฒนาแบบมิกซ์ยูส ที่จะมีทั้งดิสเคาต์สโตร์ อาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม ในย่านนี้ เพราะฝั่งตรงข้ามก็มีห้างเอสพลานาด อย่างไรก็ดี ขณะนี้เตรียมพื้นที่แล้ว คาดว่าปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะลงมือได้ ส่วนงบประมาณมากน้อยเท่าไหร่ ไม่สามารถตอบได้
เวนคืนทำสายสีส้ม
ไม่ทราบมาก่อน ไม่มีการพูดถึงเรื่องเวนคืน และหากจะเวนคืนที่ดินต้องเจรจากัน น.พ.พงษ์ศักดิ์ยํ้าว่า จะเอาที่ดินเราไปใช้ฟรีๆ ไม่ได้ เพราะเราซื้อมาแพงไม่ใช่ถูกๆ 9,000 ล้านบาท ก็ต้องการพัฒนา อยู่ๆ จะเอาที่ดินไปใช้ทำรถไฟฟ้าคงไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นต้องเจรจา ที่ผ่านมา เคยคุยกันเรื่องแลกเปลี่ยนที่ดิน (จัดรูปที่ดินเพื่อการพัฒนาพื้นที่) ที่เราแลกที่ดิน ด้านหน้า 6 ไร่ ด้านหลัง 3 ไร่ ที่จะนำที่ดินมาแชร์กัน รฟม.บอกว่าราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งที่ผ่านมา ได้เจรจากันแค่นี้
(ที่ผ่านมา นายสาธิต (วิทยากร) ลูกชาย ไปพูดคุยกับ รฟม. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ซึ่งจริงๆ ลูกชายจะเป็นผู้ดูแลและพัฒนาโครงการเองทั้งหมด แต่ยืนยันว่า เราซื้อที่ดินแปลงนี้มาเพื่อพัฒนาซึ่งไม่มีปัญหาหากจะมีการแลกเปลี่ยนที่ดินหรือ จัดรูปที่ดิน เพราะเป็นที่ดินผืนเดียวและมีโฉนดเดียว ไม่มีปัญหาอะไร และก็ไม่ขายต่อให้ใคร ส่วนแปลงข้างๆ (บริษัทแหลมทองค้าสัตว์ จำกัด) ที่เขามีหลายโฉนดมีเจ้าของหลายคน
รฟม.ยอมลดเวนคืน
น.พ.พงษ์ศักดิ์ บอกว่า ไม่ทราบจริงๆ นายสาธิตจะเป็นผู้เจรจา ซึ่งหากลดพื้นที่เวนคืน ที่ดินหายไป เห็นว่าเป็นส่วนที่จะสร้างตัวสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯที่จะเชื่อมไปทางห้างเอสพลานาด ซึ่งยอมรับว่า ไม่มีใครอยากเสียที่ดิน
ผมไม่ได้ร้องที่ไหนและไม่ทราบเรื่อง เพราะไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ทุกฝ่ายต้องหาข้อสรุปร่วมกันยอมให้เวนคืนหรือไม่
“ผมตอบไม่ได้ แต่ไม่ให้ที่ดิน” น.พ.พงษ์ศักดิ์กล่าวสั้นๆ
ซื้อเพราะทำเลดี
ล่าสุด น.พ.พงษ์ศักดิ์ เปิดอกให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงที่มาของที่ดินเจ้าปัญหาว่า เขาได้ซื้อที่ดินแปลงนี้ ต่อจากบริษัท โชคชัยปัญจทรัพย์จำกัด เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เนื้อที่ 34 ไร่ มูลค่า 9,000 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าเป็นทำเลที่ดิน ติดถนนรัชดาภิเษกและติดกับสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯมีรถไฟฟ้าใต้ดิน สีนํ้าเงิน และยังทราบว่า มีรถไฟฟ้าสายสีส้มโดยมีสถานีที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ อีกด้วยเท่ากับว่าบริเวณที่ดินที่ซื้อ
มีรถไฟฟ้า 2 สายทำให้ที่ดินมีศักยภาพมาก
ส่วนราคาที่ดินจะขยับมากแค่ไหน? เขาระบุว่า ราคาที่ดินขยับขึ้นแน่นอนอนาคตที่นี่จะเป็นทำเลที่ดีมาก แต่ก่อนหน้านี้ ที่ดินแปลงนี้เคยเวนคืนสร้างอาคารจอดรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินมาแล้ว ซึ่งเป็นของบริษัทเดิม ก่อนที่จะซื้อ ซึ่งที่ดินที่ซื้อมาพื้นที่บางส่วนจะอยู่หลังอาคารจอดรถ
แผนพัฒนา
ซึ่งแน่นอนว่า เรามีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และตั้งใจว่าจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม และมีแผนพัฒนาโครงการอื่นๆ อีกหลายอย่างบนพื้นที่ตรงนี้ คือ พัฒนาแบบมิกซ์ยูส ที่จะมีทั้งดิสเคาต์สโตร์ อาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม ในย่านนี้ เพราะฝั่งตรงข้ามก็มีห้างเอสพลานาด อย่างไรก็ดี ขณะนี้เตรียมพื้นที่แล้ว คาดว่าปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะลงมือได้ ส่วนงบประมาณมากน้อยเท่าไหร่ ไม่สามารถตอบได้
เวนคืนทำสายสีส้ม
ไม่ทราบมาก่อน ไม่มีการพูดถึงเรื่องเวนคืน และหากจะเวนคืนที่ดินต้องเจรจากัน น.พ.พงษ์ศักดิ์ยํ้าว่า จะเอาที่ดินเราไปใช้ฟรีๆ ไม่ได้ เพราะเราซื้อมาแพงไม่ใช่ถูกๆ 9,000 ล้านบาท ก็ต้องการพัฒนา อยู่ๆ จะเอาที่ดินไปใช้ทำรถไฟฟ้าคงไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นต้องเจรจา ที่ผ่านมา เคยคุยกันเรื่องแลกเปลี่ยนที่ดิน (จัดรูปที่ดินเพื่อการพัฒนาพื้นที่) ที่เราแลกที่ดิน ด้านหน้า 6 ไร่ ด้านหลัง 3 ไร่ ที่จะนำที่ดินมาแชร์กัน รฟม.บอกว่าราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งที่ผ่านมา ได้เจรจากันแค่นี้
(ที่ผ่านมา นายสาธิต (วิทยากร) ลูกชาย ไปพูดคุยกับ รฟม. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ซึ่งจริงๆ ลูกชายจะเป็นผู้ดูแลและพัฒนาโครงการเองทั้งหมด แต่ยืนยันว่า เราซื้อที่ดินแปลงนี้มาเพื่อพัฒนาซึ่งไม่มีปัญหาหากจะมีการแลกเปลี่ยนที่ดินหรือ จัดรูปที่ดิน เพราะเป็นที่ดินผืนเดียวและมีโฉนดเดียว ไม่มีปัญหาอะไร และก็ไม่ขายต่อให้ใคร ส่วนแปลงข้างๆ (บริษัทแหลมทองค้าสัตว์ จำกัด) ที่เขามีหลายโฉนดมีเจ้าของหลายคน
รฟม.ยอมลดเวนคืน
น.พ.พงษ์ศักดิ์ บอกว่า ไม่ทราบจริงๆ นายสาธิตจะเป็นผู้เจรจา ซึ่งหากลดพื้นที่เวนคืน ที่ดินหายไป เห็นว่าเป็นส่วนที่จะสร้างตัวสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯที่จะเชื่อมไปทางห้างเอสพลานาด ซึ่งยอมรับว่า ไม่มีใครอยากเสียที่ดิน
ผมไม่ได้ร้องที่ไหนและไม่ทราบเรื่อง เพราะไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ทุกฝ่ายต้องหาข้อสรุปร่วมกันยอมให้เวนคืนหรือไม่
“ผมตอบไม่ได้ แต่ไม่ให้ที่ดิน” น.พ.พงษ์ศักดิ์กล่าวสั้นๆ
