บึ้ม!ดัน‘เมย์’ลอยลำ โอกาสโชว์จุดแข็งรับมือก่อการร้าย

28 พ.ค. 2560 | 11:00 น.
เป็นที่คาดหมายว่าประเด็นเรื่องการก่อการร้ายและความมั่นคงภายในประเทศ จะกลายมาเป็นประเด็นหาเสียงที่สำคัญในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในอังกฤษ หนุนโอกาส“เทเรซา เมย์” ที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ในช่วงเวลาที่ภัยก่อการร้ายยังไม่คลี่คลาย

เหตุการณ์ก่อการร้ายสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ในช่วงคืนวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 รายและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่อยู่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งได้หยุดกิจกรรมต่างๆ ลงเป็นการชั่วคราว แม้จะเหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ก่อนถึงการเลือกตั้งในวันที่ 8 มิถุนายนนี้

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากพรรครัฐบาล คือพรรคอนุรักษ์นิยม ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ และพรรคฝ่ายค้านหลัก คือพรรคแรงงาน นำโดยนายเจอเรมี คอร์บิน ได้ตกลงกลับมาเริ่มการหาเสียงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ โดยการหาเสียงระดับท้องถิ่นกลับมาเริ่มต้นในวันพฤหัสบดี (25 พ.ค.) และการหาเสียงระดับประเทศนำโดยผู้นำของทั้ง 2 พรรคเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในช่วงวันศุกร์ (26 พ.ค.) เช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ ที่ได้เริ่มต้นกลับมาหาเสียงตามกำหนดเดียวกัน
เหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้ประเด็นเรื่องของความมั่นคงภายในประเทศและการก่อการร้ายกลายมาเป็นเรื่องที่หลักที่พรรคต่างๆ จะหยิบยกขึ้นมาหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย และน่าจะช่วยหนุนคะแนนเสียงให้กับนางเมย์ ซึ่งก่อนหน้านี้กำลังถูกพรรคฝ่ายค้านทำคะแนนไล่ตามขึ้นมา "ถ้าเรื่องความมั่นคงและการก่อการร้ายมีความโดดเด่นมากขึ้น ผมก็มองเห็นผู้ชนะเพียงคนเดียวจากการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ เทเรซา เมย์" นายสตีเฟน ฟีลดิง ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮม ให้ความเห็น

ก่อนเกิดเหตุ เส้นทางสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอันสดใสของนางเมย์ต้องเผชิญกับอุปสรรค หลังจากนโยบายลดการให้สวัสดิการแก่ผู้สูงอายุถูกโจมตีอย่างหนัก จนเมย์ต้องปรับแก้นโยบายในการหาเสียง พร้อมกับเป็นการเปิดโอกาสขึ้นอีกครั้งให้กับคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคแรงงานทำคะแนนตีตื้นขึ้นมา นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นถึงประสบการณ์การบริหารประเทศที่จำกัดของนางเมย์

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดแมนเชสเตอร์ อารีน่า จะทำให้นางเมย์ได้แสดงจุดแข็งของเธออีกครั้ง ในฐานะผู้ที่ชาวอังกฤษไว้วางใจในการรับมือกับภัยต่อความมั่นคง จากประสบการณ์การเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยมาเป็นเวลา 6 ปีก่อนจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษหลังการลาออกของนายเดวิด คาเมรอน ที่พ่ายแพ้ในการลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิท

ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค ซึ่งเปิดเผยออกมาก่อนเกิดเหตุระเบิด ต่างระบุถึงแนวนโยบายเรื่องความมั่นคง โดยพรรคอนุรักษ์นิยมกล่าวว่า จะสร้างความมั่นคงจากภัยอาชญากรรมและการก่อการร้าย โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของตำรวจรูปแบบใหม่ และยุทธศาสตร์การต่อต้านการก่อการร้ายในระดับชั้นนำของโลก
ขณะที่พรรคแรงงานกล่าวว่า จะทบทวนโครงการต่อต้านกลุ่มคนที่มีแนวคิดสุดโต่งเพื่อประเมินว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ และจะแก้ไขความล้มเหลวของรัฐบาลในการนำมาตรการใหม่ๆ ออกมาใช้จัดการกับปัญหาความรุนแรงจากกลุ่มคนเหล่านี้ที่มีเพิ่มมากขึ้น

ภายหลังเหตุระเบิด ทางการอังกฤษประกาศยกระดับการเตือนภัยก่อการร้าย จากระดับ "รุนแรง" เป็นระดับ "วิกฤติ" ซึ่งเป็นระดับการเตือนภัยสูงสุด และมีความหมายว่าการโจมตีมีโอกาสเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้ นางเมย์กล่าวว่า การยกระดับการเตือนภัยหมายความว่า ทหารจะเข้ามารักษาความปลอดภัยในสถานที่สำคัญต่างๆ แทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาทิ พระราชวังบัคกิ้งแฮม ทำเนียบนายกรัฐมนตรี และรัฐสภา เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ตำรวจสามารถส่งกำลังออกตรวจตราตามจุดต่างๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ อาจจะมีการส่งกำลังทาหารเข้าไปประจำการตามอีเวนต์ขนาดใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต และการแข่งขันกีฬา

ขณะเดียวกัน มือระเบิดฆ่าตัวตายถูกระบุว่าเป็นนายซาลมาน อาเบดี วัย 22 ปี ชาวเมืองแมนเชสเตอร์จากครอบครัวชาวลิเบีย ด้านกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีในครั้งนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,265 วันที่ 28 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560