MyLittle Boss จัดเต็มอาหารเด็กเกรดพรีเมียม

28 พ.ค. 2560 | 06:00 น.
จากจุดเริ่มต้นของการทำอาหารให้ลูกรับประทานด้วยตนเองมาตลอด จนลูกเริ่มอายุได้ 7 เดือนทำให้ได้พบกับปัญหาของการรับประทานที่เลือกมากขึ้นตามพัฒนาการช่วงอายุ ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง แต่ด้วยความที่ไม่ได้มีทักษะทางด้านการทำอาหารมากนักเลยพยายามมองหาแนวทางการแก้ปัญหา และคิดว่าครอบครัวอื่นที่มีลูกอายุขนาดเท่ากันก็น่าจะประสบปัญหาไม่แตกต่างกัน ทำให้ นภัทร กิจประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล ดีจำกัด เกิดไอเดียในการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเด็กเกรดพรีเมียมภายใต้แบรนด์ “My Little Boss”

++จากปัญหาสู่ธุรกิจ
นภัทร กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เมื่อไอเดียตกผลึกประกอบกับมีพ่อครัว (เชฟ) ประกอบอาหารที่รู้จัก จึงได้ระดมสมองเพื่อสร้างระบบของธุรกิจขึ้นมาภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน โดยมีทีมงานจากธุรกิจเดิมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ทำอยู่เข้ามาช่วย ซึ่งในเบื้องต้นได้ทำการโฟกัสกรุ๊ปจากกลุ่มเพื่อนที่มีลูกวัยเดียวกัน ทั้งในเรื่องของเมนูอาหาร,แพ็กเกจ, ระบบการจัดส่ง และรสชาติประมาณ 2-3 สัปดาห์โดยเริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อเดือนกันยายน 2559 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากมีกลุ่มครอบครัวที่ประสบปัญหาเดียวกันอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ในช่วงต้นมีกำลังการผลิตได้เต็มที่ประมาณ 100 กล่องต่อวัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทำให้ต้องเพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยมีเชฟและแม่ครัวตำแหน่งละ 4 คน เพื่อตอบโจทย์ซึ่งปัจจุบันสามารถมีกำลังการผลิตได้ที่ 300 กล่องต่อวัน โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นอายุ 1-3 ปีและ 4-7 ปี เนื่องจากจะมีรายละเอียดเรื่องของสารอาหารที่ต้องการแตกต่างกันซึ่งขณะนี้ My Little Boss ทำรายได้อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อเดือน

[caption id="attachment_154484" align="aligncenter" width="503"] นภัทร กิจประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล ดีจำกัด นภัทร กิจประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล ดีจำกัด[/caption]

++เล็งเพิ่มรายได้สู่ 50 ล้าน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเชฟ และแม่ครัวเพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มเป็น 500 กล่องต่อวัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ยังไม่ทั่วถึง รวมถึงเตรียมต่อยอดธุรกิจไปสู่อาหารที่เป็นขนมรับประทานเล่น (Snack) สำหรับเด็ก โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและวิจัยร่วมกับมหาวทิ ยาลัยทีมี่ความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารแห่งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของโภชนาการ เพื่อคัดสรรวัตถุดิบ และบรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยโดยไม่ใส่สารปรุงแต่งรสชาติ และสารกันบูด

นอกจากนี้ยังมองหาช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม โดยคาดว่าจะเป็นร้านจำหน่ายอาหารประเภทคลีนฟูดรวมถึงร้านอาหารออร์แกนิกและสถาบันการศึกษา เช่น โรงเรียนนานาชาติ และสาธิตจุฬาลงกรณ์เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ของผู้ปกครองที่ต้องการอาหารแบบเร่งด่วน และไม่ต้องการเสียค่าจัดส่งสินค้าโดยเชื่อว่าจากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวจะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 1-2 เท่าต่อเดือนจากที่ผ่านมาหรือประมาณ 4 ล้านบาทต่อเดือนหรือประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี

“ปัจจุบันการบริการของบริษัทจะเป็นรูปแบบของการจัดส่งสินค้าให้ถึงบ้านโดยมีแพ็กเกจให้กับลูกค้าได้เลือก (ดูตาราง)ไม่รวมค่าจัดส่ง โดยมีขอบเขตในการจัดส่งอยู่ที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

++ชูเมนูอาหารประยุกต์
นภัทร กล่าวต่อไปอีกว่า My Little Boss ถือว่าเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่ทำอาหารในลักษณะแบบนี้ โดยส่วนใหญ่ที่เห็นในตลาดจะเป็นอาหารแบบที่นำทุกอย่างมาบดให้ละเอียดก่อนที่จะนำมาแช่แข็ง ซึ่งผู้บริโภคจะต้องนำไปอุ่นให้คลายความเย็นก่อนที่จะนำไปให้เด็กรับประทาน หรือจะกล่าวง่ายๆก็คืออาหารเหลวแต่ของเราจะมีแนวคิดที่ฉีกแนวออกไป โดยทำอาหารให้เหมือนเป็นของผู้ใหญ่รับประทาน ซึ่งจะมีทั้งการใช้วัตถุดิบ เมนูอาหารรสชาติทุกอย่างโดยเป็นการปรับปรุงให้เด็กสามารถรับประทานได้ เช่น หากเป็นหมูปิ้ง เราจะนำเนื้อหมูชิ้นมาบดให้ละเอียดก่อนที่จะนำไปย่างไฟเพื่อให้เด็กเคี้ยวได้ง่ายเช่นเดียวกับเมนูสเต็ก ที่เนื้อจะถูกนำมาบดก่อน และเพิ่มประโยชน์ของอาหารด้วยการซ่อนผักเอาไว้ภายใน เป็นต้น

ขณะที่จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ My Little Boss อยู่ที่การปรุงสด โดยมีเมนูเลือกมากกว่า 100 รายการ ขณะที่ในส่วนของวัตถุดิบจะคัดสรรเฉพาะเกรดที่เป็นแบบพรีเมียมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเนื้อสัตว์ที่มียี่ห้อรับประกันว่าไม่มีสารเร่งการเจริญเติบโต และผักที่จะต้องเป็นแบบออร์แกนิก เพื่อความมั่นใจของลูกค้าซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูก นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสะอาดที่จะต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเด็กจะค่อนข้างไวต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในร่างกาย จะพยายามใช้เครื่องปรุงรสให้น้อยที่สุด แต่จะใช้วิธีการดึงรสชาติของอาหารออกมาด้วยวิธีธรรมชาติ
ด้านรูปลักษณ์ภายนอกและภายในของอาหารก็จะต้องมีสีสันที่แปลกตาจูงใจให้เด็กอยากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในการรับประทานอาหาร เสมือนเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กตั้งแต่กระบวนการเลือกอาหาร การแกะอาหารออกเพื่อรับประทาน

กุญแจที่ไขไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจของบริษัทคือความเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน เพราะเราทำธุรกิจเหมือนทำให้ลูกตัวเองรับประทาน ทุกอย่างจะต้องมีการวิเคราะห์และพัฒนาอยู่เสมอโดยสิ่งที่ลูกค้าได้รับไปจะเป็นสิ่งที่ดีมากกว่าที่คาดคิดไว้ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อซํ้ามากกว่า 70% โดยเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยม ขณะที่เป้าหมายในระยะยาวของธุรกิจต้องการให้ My Little Boss เป็นแบรนด์ที่คุณพ่อคุณแม่ไว้วางใจ

“ให้ความรู้สึกเหมือนได้ทำอาหารให้ลูกรับประทานด้วยตัวเอง เพราะเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมานำเสนอ โดยอยากให้ My Little Boss เป็นตัวแทนของคุณพ่อคุณแม่ได้ ซึ่งเราจะติดตามผลตอบรับจากลูกค้าอย่างสมํ่าเสมอเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,265 วันที่ 28 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560