วันที่ 23 พ.ค.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ ถึงข้อสงสัยที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมลาประชุมครม.ในช่วงนี้ว่า “ผมกับพล.อ.ประวิตร ก็คุยโทรศัพท์กันอยู่ทุกวัน ท่านลาไปทำธุระส่วนตัว ผมทราบแค่นั้น เมื่อวาน(22พ.ค.)เพิ่งคุยกัน คุยกันทุกวัน ก่อนหน้านี้ก็ยังคุยกัน ตลอดทั้งสัปดาห์ก็คุยกันตลอด บางทีไม่ว่างก็ไม่เจอกัน”
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ป่วยเป็นอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ท่านก็ไม่สบายเป็นปกติ พวกคุณสบายดีทุกวันหรือไม่ ไว้พวกคุณอายุ 70 ปี แล้วค่อยมาบอกผมว่าสบายทุกวัน ขนาดผมอายุ 60 กว่าปี ก็ยังไม่สบายบ้างอะไรบ้าง เพียงแต่ผมไม่ได้บอกอะไรกับใคร เพราะไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะต้องมาสนใจผม ใช้ให้ตาย พอใจกันหรือยัง”
เมื่อถามว่า ได้ไปเยี่ยมพล.อ.ประวิตร บ้างหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ใจต่อใจถึงกันอยู่แล้ว อยู่กันมาเกือบทั้งชีวิต”
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุม ครม.ถึงเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยยกตัวอย่างเหตุระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พร้อมระบุว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นในต่างประเทศ สื่อมวลชนต่างชาติจะนำเสนอข่าวแค่ช่วงระยะสั้นๆ เท่านั้น โดยจะรายงานแค่ให้ประชาชนทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้น สื่อมวลชนและประชาชนชาวไทยจะต้องเข้าใจในเจตนาของผู้ก่อเหตุ ว่าต้องการสร้างสถานการณ์ ทำลายเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ทั้งนี้สื่อมวลชนสามารถวิเคราะห์และตั้งสมมุติฐานได้ แต่อย่าให้เกิดผลกระทบหรือมีแรงกดดันในด้านเศรษฐกิจ
พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ถ้าเราไล่บี้ตั้งคำถามจนเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถตั้งตัวได้ เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากเรื่องที่ใหญ่ก็จะกลายเป็นใหญ่มาก หากย้อนไปถึงตอนที่เกิดเหตุบริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ จะเห็นว่าการขับจีดีพีจาก 0.8 มาสู่ความคาดหมายว่าต้องได้ 3.6 ในปีนี้นั้นเป็นเรื่องยาก พล.อ.ประยุทธ์ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า เมื่อประเทศเรามีได้รับความไว้วางใจแก่นักลงทุน อานิสงส์ไม่ได้เกิดแก่รัฐบาล แต่เกิดกับทุกหมู่เหล่า จึงวิงวอนให้ประชาชนรู้เท่าทันผู้ไม่หวังดี ไม่ส่งภาพน่าอนาถ แชร์กันไป ถ้าทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทุกอย่างจะกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว