"ประยุทธ์" ลั่น! บึ้ม รพ.ไม่เลวจริงทำไม่ได้...ย้ำรัฐไม่บ้าลงมือทำเอง

23 พ.ค. 2560 | 10:12 น.
วันที่ 23 พ.ค.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีเหตุวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าถามตนว่าคนร้ายมีวัตถุประสงค์ใด ก็ไปถามคนร้ายก็แล้วกัน ตนตอบแทนไม่ได้ ถ้าถามว่ามีความยึดโยงครบรอบ 3 ปีคสช.หรือไม่ ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ขึ้นกับการสอบสวนของตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่าถือเป็นการท้าทายลองของกันเลย ส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตนได้สั่งการเพิ่มเติมกับฝ่ายความมั่นคงไปแล้วให้ตรวจสอบโดยเร็ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนกังวลอยู่ว่าอาจจะมีปัญหาอยู่บ้างเพราะเป็นการติดตั้งกล้องในพื้นที่สาธารณของโรงพยาบาล ซึ่งความเข้มงวดอาจมีน้อยเนื่องจากไม่มีใครคิดว่าไม่มีใครจะทำให้เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่เหล่านี้ ในโลกใบนี้ไม่มีใครทำจริงๆคนที่ทำตนถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำในสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ ซึ่งคงต้องมีการเร่งรัดดำเนินการส่วนจะได้ตัวคนร้ายหรือไม่อย่างไรต้องใช้ทุกวิถีทางในการสืบสวนสอบสวน และคงต้องไปตรวจสอบดูมาตรฐาน หรือการติดตั้งกล้องภาพรวมว่าเหมาะสมเพียงใด ปัญหาคือกล้องบางตัว บางพื้นที่ติดมาเป็นเวลานาน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามปรับปรุงแก้ไขในเรื่องขีดความสามารถและสมรรถนะของกล้องให้ดีขึ้น แต่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนงานมากซึ่งจะทยอยดำเนินการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนอาจจะยังไม่ได้ มันต้องสักวัน ก็ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ก็แล้วกัน บางอย่างมันเร่งรัดไม่ได้มากนัก ผมถึงบอกให้มีการทบทวนดูในพื้นที่สาธารณะที่ไม่ใช่โรงพยาบาลอย่างเดียว และการเกิดเหตุทำนองนี้เมื่อปี2553ก็เคยเกิดต้องดูว่ามีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกันหรือไม่ อยากให้สื่อคิดวิเคราะห์ด้วย สิ่งสำคัญทำไมคนถึงทำ ให้คิดแบบนี้ ใจร้ายไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์และทรัพย์สิน คนเจ็บป่วยก็ทุกข์ทรมานอยู่แล้ว ยังทำเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาอีกเพื่อหวังผลอะไรก็แล้วแต่ ต้องสืบสวนให้ได้ อย่าให้ไปบิดเบือนว่ารัฐบาลเป็นคนทำเอง ไม่มีรัฐบาลบ้าที่ไหนทำแบบนั้นหรอก เว้นแต่คนที่อยากเป็นรัฐบาลแล้วคิดจะทำ

"ผมไม่เคยคิดแบบนั้น ดังนั้นต้องดูว่าเราแก้ปัญหาอย่างไรให้กับประเทศชาติในเวลานี้อยากให้ย้อนกลับไปดูปัญหาที่ยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์เหล่านี้ที่เราทำที่ผ่านมาเคยมีใครทำหรือไม่ แก้ปัญหาประชาชนอย่างครบวงจรวันนี้เราทำทุกอย่าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เรามีการประเมินอย่างต่อเนื่อ งบางอย่างเป็นการประเมินจากฝ่ายความมั่นคงก็ไม่อยากให้ไปโทษใคร การข่าวก็มีอยู่ว่ามีคนที่พร้อมจะเคลื่อนไหว ทั้งด้านการก่อเหตุร้าย ทั้งด้านผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเมืองมันเกิดขึ้นทุกพื้นที่ เรื่องการข่าวกรองก็มีการคาดว่า จะเกิดที่โน่นที่นี่ตามลำดับ ซึ่งการข่าวกรองต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่เช่นนั้นก็ต้องใช้สายลับไปอยู่ในส่วนต่างๆจะได้รู้ว่าทำที่ไหนอย่างไร และมีการคาดการณ์แต่ตรงไหนที่ชัดเจนว่า จะเกิดแน่นอนก็อยู่ที่การเข้าถึงกระบวนการ เราพยายามทำตรงนี้อยู่

"เราก็คาดการณ์มาตลอดเวลา แต่ทุกคนคาดการณ์หรือไม่ว่าจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาล มีใครคิดไหม คงไม่มี แต่คนเลวคิดอะไรก็ได้ที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อรัฐบาลหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจตรงนี้ ผมไม่ได้มุ่งประเด็นนี้ แต่ก็เป็นประเด็นหนึ่งว่าทำไมมาเกิดในวันที่ 22 พ.ค.เกิดในโรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลทหารและทำร้ายประชาชน นั่นคือสิ่งสำคัญที่ต้องนำมาวิเคราะห์ แต่ถึงแม้จะไม่ชอบทหาร ก็อย่าลืมว่าทุกคนเป็นคนไทยทั้งหมด ใครก็ตามที่หวังผลทางการเมืองและทำแบบนี้คนเหล่านี้ก็จะถูกลงโทษโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยประชาชนนั้นเองศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่จะให้ใครเข้ามาในวันข้างหน้า

เมื่อถามถึง การก่อเหตุหน้าห้องรับรอง“วงษ์สุวรรณ”ซึ่งเป็นนามสกุลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมเป็นการส่งสัญญาณท้าทายรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าถือเป็นการท้าทาย ใช้คำว่าโจมตีก็ไม่ได้เพราะไม่ได้รบกัน ท้าทายอย่างไรตนก็ไม่สู้เพราะตนต้องใช้กฎหมาย และทำงานให้ดีที่สุด แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนก่อเหตุร้าย เป็นเรื่องของคนเลวที่ทำเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่เลวจริงๆทำไม่ได้หรอก ใจร้ายไม่พอหรอก คนเหล่านี้ใจร้ายพอที่จะฆ่าใครก็ได้ เห็นแก่ตัวอย่างร้ายแรงหวังผลให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย ทำให้เกิดความวุ่นวายสับสนแก่ชีวิตพวกเราทั้งสิ้น ซึ่งมีในทุกๆที่และทุกประเทศ เราจึงต้องช่วยกันลดและสร้างความร่วมมือกันให้ได้

เมื่อถามว่าการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการอื่นๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราก็เพิ่มความเข้มงวดไปทุกระดับเกิดเหตุขึ้นมา เราก็เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น แต่คนเดือดร้อนคือประชาชนที่ไปติดต่อราชการเพราะต้องถูกเข้มงวดทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ทั้งสถานที่ราชการ เขตพระราชฐาน ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทำเนียบรัฐบาล กองบัญชาการกองทัพบก กองทัพภาค และกระทรวง ทบวง กรม ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมครม.ไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบางครั้งก็จ้างมาเป็นพนักงานลูกจ้าง วันนี้ต้องเข้มงวดมากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องความรุนแรงอย่าไปขยายความมากนัก ตนเห็นเมื่อวันก่อนมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในการแสดงที่ต่างประเทศมีการบาดเจ็บสูญเสีย เป็นข่าววูบเดียวก็หายไป แต่ประเทศเราซ้ำแล้วซ้ำอีกระเบิดซ้ำแล้วซ้ำอีก มันก็ไม่ดี เสนอข่าวจำเป็นก็เสนอไปเถอะ ตนไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่มันจะมีผลกระทบอย่างอื่นหรือเปล่า เพราะวันนี้เราต้องการความเชื่อมั่นการค้า การลงทุน การประกอบการ การใช้จ่ายของประชาชน ถ้าขาดความไม่เชื่อมั่นด้วยความไม่ปลอดภัยไปแล้วจะเกิดขึ้นตามมา ขอร้องเถอะให้คิดแบบตนจะได้ไปด้วยกันได้

"ขอยืนยันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามตนจะแก้ปัญหาทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้ในขีดความสามารถที่ตนทุ่มเทให้มากที่สุดร่วมกับทุกคนในคสช.-ครม. และต้องฝากส่วนราชการทุกคนด้วยซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเห็นข่าวในหลายประเทศที่มีกรณีระเบิดคล้ายๆไทย แต่เป็นคนละรูปแบบจุดประสงค์คนละอย่างกัน ซึ่งหลายประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจ มีการรัดเข็มขัดลดรายจ่าย และมีการประท้วงกันมากมาย แต่ของไทยยังไม่ถึงขนาดนั้น ตนคิดว่าวันนี้เราต้องมาใคร่ครวญกันให้ดีว่า เราอยู่ในระดับไหนที่รัฐบาลต้องช่วยมากน้อยแค่ไหน เพราะเราไม่ได้เป็นประเทศรายได้สูงที่จะมีเพียงให้ได้ทุกอย่าง

"อย่างไรก็ตาม ครบรอบ 3 ปีก็ไม่อยากให้ความสำคัญมากนักหากเราให้ความสำคัญกับการครบรอบ 3 ปีก็จะมีผลกระทบกับการทำงานอื่นๆด้วย เพราะอย่างไรเราก็อยู่ตามที่กำหนดไว้ตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ แต่คสช.-รัฐบาลต้องขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ให้เวลาโอกาสในการทำงานที่ผ่านมาจนครบรอบ 3 ปีและเป็นไปได้ด้วยดี หลายอย่างที่แก้ไขได้ และที่ยังแก้ไขไม่ได้ปัญหาที่สลับซับซ้อนก็ต้องใช้เวลาที่มีอยู่ดำเนินการแก้ให้เป็นผลสำเร็จให้ได้ อย่างน้อยก็เริ่มต้นได้ บางอย่างที่จะให้เกิดความยั่งยืนก็ต้องใช้เวลานาน ต้องขอบคุณในการสนับสนุนรัฐบาลและคสช.เพราะจะเห็นว่าปัญหาต่างๆมีอยู่อีกมากมาย ใช่เวลามา 3 ปีแก้ได้ระดับหนึ่ง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว