อสังหาฯภาคใต้สดใส อานิสงส์ภาครัฐอัดฉีดเมกะโปรเจ็กต์

26 พ.ค. 2560 | 04:00 น.
ผู้ประกอบการอสังหาฯทั้งส่วนกลาง-ท้องถิ่นประสานเสียงตลาดภาคใต้มีแนวโน้มเติบโต หลังภาครัฐเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ตามแผน โดยเฉพาะหัวหิน ภูเก็ต หาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี ด้าน AREA ชี้หน่วยเหลือขายในตลาดหลักเมืองท่องเที่ยวจะดูดซับหมดภายใน 2 ปี

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเยนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวภาคใต้ ว่า พื้นที่ชะอำ-หัวหิน ปัจจุบันมีหน่วยรอขาย 5,420 หน่วย ส่วนใหญ่จะเป็นห้องชุด ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ขายได้ 2,463 หน่วย ดังนั้น ประเมินว่าจำนวนหน่วยรอขายที่กล่าวมาอาจจะระบายได้หมดภายใน 2 ปี ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ยังมีกำลังซื้อพอสมควร ที่สำคัญปี 2559 มีเปิดขายแค่ 1,192 หน่วย สะท้อนว่าผู้ประกอบการก็มีการปรับตัว ไม่เปิดตัวโครงการใหม่มากนัก จึงไม่เกิดภาวะสินค้าล้นตลาด

ที่หาดใหญ่ สงขลา หน่วยรอขาย 3,179 หน่วย ในปี 2559 ทั้งปีขายได้ 1,419 หน่วย คาดว่าประมาณ 2 ปีก็สามารถระบายสินค้าได้หมดเช่นกัน ส่วนการเปิดขายใหม่ในปีที่ผ่านมามีแค่ 1,341 หน่วย ถือว่าจำนวนเปิดขายใหม่ใกล้เคียงกับที่ขายได้ ส่วนที่ภูเก็ต มีหน่วยรอขาย 6,976 หน่วย ถือว่ามากที่สุด แต่ว่าในปีที่ผ่านมาขายได้ถึง 4,552 หน่วย ฉะนั้นใช้เวลาประมาณ 14 เดือนข้างหน้าก็คงระบายได้หมด หากไม่มีการเปิดขายใหม่ อย่างไรก็ตามในปี 2559 มีการเปิดตัวโครงการใหม่รวมหน่วยขาย 2,931 หน่วย คิดเป็น 60% ของหน่วยที่ขายได้ สุดท้ายที่สุราษฎร์ธานี มีหน่วยรอขาย 3,600 หน่วย ปี2559 ที่ผ่านมามีการเปิดตัวใหม่ค่อนข้างน้อย 728 หน่วย ด้านการขายทั้งปีที่ผ่านมามีประมาณ 1,200 หน่วย ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หัวหิน เป็นเมืองแรกที่บริษัททำตลาดเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ในช่วง 13 ปีหลังที่ผ่านมา แสนสิริ รุกหัวเมืองใหญ่ใน 17 จังหวัด เพราะรัฐบาลสมัยนั้นมีนโยบายจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และที่น่าสนใจคือโครงการรถไฟความเร็วสูง สำหรับในภาคใต้ นอกจากหัวหิน บริษัทได้ขยายไปที่ภูเก็ต,หาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะที่หัวหิน พัฒนาที่อยู่อาศัยรวม 20 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันนี้ขายหมดแล้ว 19 โครงการ สำหรับตลาดหัวหินเป็นบ้านหลังที่สองของคนกรุงเทพฯ ราคาขายต่อตารางเมตรต่ำกว่ากรุงเทพฯประมาณ 20%

แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และจีดีพี อยู่ที่ประมาณ 3 % ติดต่อ 2 ปี มีผลต่อตลาดอสังหาฯในหัวหิน ซึ่งซัพพลายที่เหลือขายกว่า 5 -6 พันหน่วย ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยวมีไม่ถึง 1 พันหน่วย เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา การดูดซับของตลาดมากกว่า 3พันหน่วยต่อปี แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลดเหลือ 2 พันหน่วย โดยเฉพาะในปีที่ที่ผ่านมาเหลือเพียง 1,700-1,800 หน่วย นอกจากจะเป็นตลาดบ้านหลังที่ 2 ของคนกรุงเทพฯแล้ว หัวหินยังมีตลาดอีกกลุ่ม คือ กลุ่มที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า แต่ระหว่างที่ไม่มีลูกค้าเช่าก็จะอยู่อาศัยเองก็ได้

ปัจจุบันซัพพลายคงค้างในตลาดหัวหินจากการเก็บข้อมูลของทางบริษัท คอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปีที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 5,300 หน่วย บ้านเดี่ยว 700 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ 200 หน่วย การดูดซับในปีที่ผ่านมานั้น คอนโดมิเนียม ประมาณ 1,500 หน่วย บ้านเดี่ยว 200 หน่วย และทาวน์เฮ้าส์ 46 หน่วย ถ้าย้อนไปเมื่อปี 2558 ตลาดมีการดูดซับคอนโดมิเนียม 2,600 หน่วย แม้การดูดซับจะลดลง แต่จำนวนสต๊อกที่มีสำหรับคอนโดมิเนียม 3,500 หน่วย ใช้เวลาดูดซับประมาณ 1 ปีเศษก็คงจะหมด ไม่น่ากังวล

“ตลาดอสังหาฯหัวหินวันนี้รอภาวะเศรษฐกิจ กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากนโยบายการลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ชัดเจน เชื่อว่าจะทำให้ตลาดอสังหาฯที่หัวหินน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น”

ส่วนตลาดภูเก็ตมี 16 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 10 โครงการ ที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ เมื่อปีที่ผ่านมาความต้องการเริ่มสูงขึ้น เพราะมีลูกค้าชาวต่างชาติ แสนสิริขายคอนโดมิเนียมให้กับลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีน ฮ่องกง มีมาก ฉะนั้นยอดขายที่ภูเก็ต 50% เป็นลูกค้าต่างชาติ อีก 50% ขายให้กับลูกค้าในภูเก็ต

นายวีระชัย ปรานธีระไพบูลย์ อุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต และ ซีอีโอ บริษัท ดิ แอทติจูด จำกัด กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯในภูเก็ตแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มอสังหาฯสำหรับลูกค้าคนไทย และอสังหาฯเพื่อการพักผ่อนตากอากาศ โดยกลุ่มแรกในปัจจุบันการเปิดตัวโครงการค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีสินค้าคงค้างในตลาดพอสมควร ประกอบกับไม่มีความต้องการของลูกค้า และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีการก่อสร้างค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ตลาดระดับกลางถึงบน โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว บ้านแฝดราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปยังมีการเปิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดอสังหาฯเพื่อการพักผ่อนตากอากาศยังค่อนข้างคึกคัก ตามการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว

“ปัจจุบันกำลังซื้อลูกค้าคนไทยยังชะลอตัว แต่มีลูกค้าคนไทยกลุ่มใหม่เข้ามา ซื้อเพื่อลงทุน เนื่องจากผลตอบแทนค่าเช่าที่ดี จากรูปแบบการเช่าแบบใหม่ แอร์ บีเอ็นบี ทำให้เกิดผลตอบแทนที่สูง ช่วยดันให้ตลาดอสังหาฯภูเก็ตเติบโต”

นายพิริยะ ธานีรณานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บ้านสวยกรุ๊ป(สุราษฎร์ธานี) จำกัด กล่าวว่า วันนี้ตลาดอสังหาฯในสุราษฎร์ธานีอยู่ในช่วงปรับตัว หลังจากลดลง 50% ตามราคายางที่ทรุดตัวจากที่เคยขึ้นสูงสุดกิโลกรัมละ 180 บาท ลงต่ำกว่า 100 บาท อย่างไรก็ตาม จังหวัดยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวมาทดแทน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาค่อนข้างมาก จนมีการผลักดันให้สุราษฎร์เป็นศูนย์การบินและศูนย์โลจิสติกของภาคใต้ นอกจากนี้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากการปลูกยางพารา หันไปปลูกทุเรียน พันธุ์ทวาย ซึ่งสามารถเก็บได้ปีละ 3 ครั้ง ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยเสริมสร้างกำลังซื้อในสุราษฎร์เพิ่มขึ้น และมีผลต่อการซื้อที่อยู่อาศัยตามมา

นางสาวศิริวรรณ ผ่องเสริมสุข นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นและมีสถานะแข็งแกร่ง สามารถรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนในรูปของสมาคม มีการช่วยเหลือกันและกัน ในพื้นที่ก็มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯรุกมาทำตลาดที่นี่ เพราะหาดใหญ่ สงขลา เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ มีนักลงทุนจากมาเลเซียและสิงคโปร์เข้ามาลงทุนโรงงาน นอกจากนี้ยังมีสถาบันการศึกษา และเมื่อเร็วๆนี้ มีการประกาศให้อำเภอสะเดา เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงทำให้ความต้องการในอสังหาฯมีค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหากภาครัฐวางเป้าหมายให้สงขลาเป็นรับเบอร์ซิตี้ ยิ่งส่งผลให้ตลาดอสังหาฯคึกคัก ตามแนวถนนมอเตอร์เวย์สายใหม่ซึ่งทำให้เกิดทำเลใหม่ขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,264 วันที่ 25 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560