เอเปกหนุนการค้าพหุภาคี ค้านมาตรการกีดกันทุกรูปแบบ

25 พ.ค. 2560 | 12:00 น.
การประชุมรัฐมนตรีการค้าครั้งที่ 23 ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่กรุงฮานอยประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 20-21 พฤษภาคม 2560 ได้ผลคืบหน้าใน 5 ประเด็นสำคัญ โดยในภาพรวมนั้นรัฐมนตรีด้านการค้าของ 21 ประเทศสมาชิก ได้ตอกยํ้าถึงจุดยืนของการให้ความสนับสนุนระบบการค้าที่เสรีและเปิดกว้าง และพร้อมที่จะต่อสู้กับการกีดกันการค้าในทุกรูปแบบ

สำนักข่าวเวียดนาม นิวส์ของทางการเวียดนาม เจ้าภาพจัดประชุมเอเปกในปีนี้ รายงานว่า ผู้แทนประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องที่จะแสดงท่าทีที่เป็นรูปธรรมว่าเอเปกนั้น ต้องการแสดงบทบาทผู้นำในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและส่งเสริมการผนึกกำลังทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เป็นหนึ่งเดียวกันในรูปของตลาดเสรีเพื่อประโยชน์ของประชาชนในภูมิภาค โดยชาติสมาชิกเห็นพ้องว่าจะเร่งกระบวนการผนวกรวมทางเศรษฐกิจให้เร็วขึ้น จะส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคี และส่งเสริมการเชื่อมโยงระบบการค้าเข้าด้วยกัน รวมทั้งส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและทุกคนมีส่วนร่วม โดยส่งเสริมการนำนวัตกรรมมาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลางมีสมรรถนะในการแข่งขันมากขึ้น

แถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมระดับรัฐมนตรีการค้าตอนหนึ่งระบุว่าประเทศสมาชิกเอเปกมีความแตกต่างทางความคิด แต่ก็มีจุดร่วมที่ต้องการจะเห็นระบบการค้าพหุภาคีที่ไม่มีการกีดกัน แบ่งแยก หรือเลือกปฏิบัติ ดังนั้นเอเปกจึงมีกฎกติกาที่โปร่งใสร่วมกัน เฉกเช่นเดียวกับรูปแบบขององค์กรการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ซึ่งเอเปกให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนบทบาทการดูแลและตรวจสอบของดับบลิวทีโอ เนื่องจากเห็นว่าเป็นบทบาทหน้าที่อันจำเป็นและสำคัญต่อระบบการค้าแบบพหุภาคี

นายตรัน ตวน อันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม ประธานการประชุมย้ำว่าเอเปกเห็นพ้องที่จะเพิ่มความรว่ มมือเพื่อสร้างเอกภาพ ความเป็นหนึ่งเดียวของระบบการค้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเพิ่มความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านเทคนิค ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูลในกระบวนการสร้างนโยบายร่วมของภูมิภาคและในระหว่างที่มีความร่วมมือในโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพของโครงการและสร้างความแตกต่างระหว่างความร่วมมือของเอเปกกับขององค์กรอื่นๆในระดับโลก แต่ที่สำคัญก็คือ เอเปกจำเป็นต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความเป็นหนึ่งเดียว มีความตั้งใจจริงจากภาคการเมืองของแต่ละประเทศสมาชิก และทำงานประสานกันเพื่อเสริมสร้างบริบทแห่งความร่วมมือที่มั่นคง ปลอดภัย ส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก

และด้วยเป้าหมายดังกล่าว ที่ประชุมเอเปกจึงได้ประกาศร่วมกันต่อต้านกระแสลัทธิกีดกันทางการค้าที่กำลังก่อตัวชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากมาตรการกีดกันทางการค้าจะเป็นอุปสรรคใหญ่กีดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แถลงการณ์ของรัฐมนตรีการค้าเอเปกยํ้าว่า เอเปกต้องการเปิดตลาดการค้าเสรีซึ่งมีกรอบเวลาถึงปีค.ศ.2020 และจะต่อต้านการกีดกัน รวมทั้งการบิดเบือนทางการค้าทุกรูปแบบ

ปัจจุบัน เอเปกประกอบด้วย21 ประเทศสมาชิก ครอบคลุมถึงมหาอำนาจทางการค้าอย่างสหรัฐอเมริการัสเซีย จีน และญี่ปุ่น รวมทั้งชาติสมาชิกอาเซียน และประเทศในอเมริกาเหนือและใต้ มีประชากรรวมกัน 2,800 ล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของประชากรโลก มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็นสัดส่วนราว 60% ของจีดีพีโลก และครองส่วนแบ่ง 49% ของปริมาณการค้าโลก อัตราภาษีศุลกากรระหว่างประเทศสมาชิกเอเปกลดลงโดยเฉลี่ยจาก 17% ในปีค.ศ. 1989 ซึ่งเป็นปีก่อตั้ง เหลือเฉลี่ย 5.5% ในปี 2559

การประชุมระดับผู้นำประเทศของชาติสมาชิกเอเปกจะมีขึ้นที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยจะเป็นการเข้าประชุมเอเปกครั้งแรกของนายบิลอิงลิช นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้และนางแครี แลม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,264 วันที่ 25 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560