พาณิชย์แจงล้งทั่วประเทศ 1,405 รายร่วมทุนกับจีนมากสุด  

19 พ.ค. 2560 | 09:56 น.
พาณิชย์แจงสถานะล้งผลไม้ในไทยมีทั้งล้งไทย ล้งวิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์ และล้งร่วมทุนกับต่างชาติ ระบุร่วมทุนกับจีนมากสุด 26 ราย พร้อมเฝ้าระวังไม่ให้ใช้คนไทยเป็นนอมินี

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคลของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมหลังการเก็บเกี่ยวพืชผล และการขายส่งผักผลไม้ ปรากฎว่ามีนิติบุคคลจดทะเบียนทั้งสิ้น 1,405 ราย และจากข้อมูลผู้ประกอบการล้งผลไม้ซึ่งจดทะเบียนผู้ส่งออกผักและผลไม้กับกรมวิชาการเกษตรมีจำนวนทั้งสิ้น 391 ราย กรมได้พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับสถานะการจดทะเบียนดังกล่าว

ทั้งนี้สามารถแบ่งออกเป็น 1) ล้งไทย  ประกอบด้วย 1.1 ล้งบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย จำนวน 236 ราย 1.2 ล้งนิติบุคคลที่คนไทยถือหุ้น 100% จำนวน 116 ราย 2) ล้งที่เป็นวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ จำนวน 7 ราย  3) ล้งที่ร่วมลงทุนระหว่างคนไทยกับชาวต่างชาติ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล โดยคนไทยถือหุ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 51% ในกรณีนี้ถือว่าเป็นนิติบุคคลไทย จำนวน 32 ราย ซึ่งเป็นการร่วมทุนจาก จีน (26 ราย) อินเดีย (2 ราย) ฝรั่งเศส (2 ราย) ลักเซมเบิร์ก (1 ราย) และ ฮ่องกง (1 ราย)  โดยล้งที่กล่าวมาข้างต้น สามารถรับซื้อผลไม้เพื่อการจำหน่ายในประเทศและสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกผักและผลไม้ พ.ศ.2553

“เพื่อเป็นการกำกับดูแลให้ผู้ประกอบธุรกิจล้งผลไม้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และป้องกันเหตุความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจรับซื้อผลไม้ของไทยในภาพรวม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้มีการติดตามเฝ้าระวังการประกอบธุรกิจของล้งผลไม้อย่างใกล้ชิด โดยป้องกันไม่ให้ใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง หรือ นอมินี เพื่อดำเนินธุรกิจหลีกเลี่ยงกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ. 2543 โดยกรมฯ มีแผนลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 อย่างเคร่งครัดเป็นประจำ และในปีนี้ กรมฯ ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบล้งผลไม้ร่วมลงทุนตามฤดูกาลผลผลิตผลไม้ไทย โดยเฉพาะช่วงที่ลำไย และทุเรียนกำลังออกผลผลิต เนื่องจากผลไม้ทั้ง 2 ชนิด เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีล้งร่วมลงทุนที่มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไรก็ตาม กรมฯ ก็จะยังคงติดตามเฝ้าระวังต่อไป”