ปตท.แจงกำไรดีจ่ายภาษีสูงขึ้น

19 พ.ค. 2560 | 08:06 น.
นายประเสริฐ สลิลอำไพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปีนี้ ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 4.61 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2 หมื่นล้านบาท จาก 2.3 หมื่นล้านบาท ของช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ สาเหตุจากราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 30.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 53.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และหนุนให้ราคาขายของผลิตภัณฑ์สูงขึ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นส่งผลให้ ปตท.สามารถจ่ายภาษีได้สูงขึ้น เพื่อให้รัฐนำงบประมาณดังกล่าวไปพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชนต่อไป โดย ปตท. และบริษัทย่อย มีภาษีเงินได้ 6.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านบาท จากไตรมาสที่ 1 ในปีก่อนหน้านี้

“ผลการดำเนินงานที่เข้มแข็งของกลุ่ม ปตท.นั้นมีส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพให้กลุ่ม ปตท.สามารถดำเนินการเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะสร้างความมั่นคงสำหรับประเทศไทยในขณะนี้”

นายประเสริฐ กล่าวว่า กลุ่ม ปตท.ยังคงยึดมั่นดำเนินการตามยุทธศาสตร์ “Do Now (การดำเนินการที่ทำทันที), Decide Now (โอกาสการลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่), และ Shape Now (การแสวงหาธุรกิจใหม่เพื่อความยั่งยืน)” ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

สำหรับในงวดนี้ ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 8.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8 หมื่นล้านบาท หรือ 25.3% จาก กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และธุรกิจก๊าซธรรมชาติในส่วนของโรงแยกก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากต้นทุนก๊าซฯ ซึ่งอ้างอิงตามราคาน้ำมันเตาย้อนหลังที่ต่ำลง อีกทั้งราคาขายผลิตภัณฑ์ที่อิงกับราคาปิโตรเคมีก็ปรับสูงขึ้น รวมทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากที่ไตรมาส 1 ปี 2559

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ปตท. และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 2.22 ล้านล้านบาท มีหนี้สินรวม 1 ล้านล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 1.2 ล้านล้านบาท