BMW 520d-530i ขีดขั้นทะลุทะลวงพ่วงความสุภาพ

21 พ.ค. 2560 | 04:30 น.
ช่วงนี้ผมมีโอกาสลองขับ “ซีรีส์5” โฉมใหม่ รหัสตัวถังG30 แบบติดๆกันรวมแล้ว 4 ขุมพลังครับ ไล่ตั้งแต่ 530e ปลั๊ก-อินไฮบริด และ M550i xDrive ซึ่งสองรุ่นนี้ ข้ามน้ำผ่านทะเลไปที่เยอรมนี เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา(ยังไม่ขายในไทย) และล่าสุดกับทริปที่บีเอ็มดับเบิลยูจัดให้ลองรุ่นที่เปิดตัวในประเทศไทยอย่าง 520d เครื่องยนต์ดีเซล และ530i เบนซิน

mp37-3263-2 โดยทั้ง 2 รุ่นยังเป็นการนำเข้าทั้งคัน 520d Luxury ราคา 3.899 ล้านบาท และมีรุ่นประหยัด 520d Limited ราคา 3.599 ล้านบาท ขณะที่ 530i จัดเต็มแบบ M Sport ราคา 4.399 ล้านบาท

ต้องถือว่าคึกคัก สำหรับเซกเมนต์นี้ เพราะเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส โฉมใหม่ เหลื่อมช่วงเวลาทำตลาดไปก่อน และมีรุ่นประกอบในประเทศเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดส่งรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด ลงตลาดพร้อมถอดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 220d ออกไปตามคาด

นั่นทำให้โมเดลหลักของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้ง ซี,อี,เอส-คลาส(CKD) ไม่มีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลทำตลาดแล้ว ดังนั้นใครสนใจรถหรูเครื่องยนต์ดีเซลอาจจะต้องมองมาที่บีเอ็มดับเบิลยูที่ยังมีให้เลือกครบ(ส่วนซีรีส์5 ปลั๊ก-อินไฮบริด น่าจะมาปลายปีนี้)

mp37-3263-1 ในภาพรวมของการพัฒนา“ซีรีส์5” เจเนอเรชันที่ 7 บีเอ็มดับเบิลยู เน้นไปที่วิศวกรรมเชิงโครงสร้างที่ใช้อลูมิเนียม แมกนีเซียมเข้ามาเสริม และแม้ตัวถังจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติ แต่สามารถลดน้ำหนักตัวไปได้ 100 กิโลกรัม ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยๆของทุกรุ่นที่จะใช้สื่อสารในการทำตลาด

หากพิจารณาเป็นรุ่นๆไป ตัว 530i จะเบากว่า 528i ตัวเก่า(F10) ถึง 115 กิโลกรัม ขณะที่ 520d เบาลง 70 กิโลกรัม ทั้งยังเคลมว่าค่าสัมประสิทธแรงเสียดทาน Cd ต่ำสุดในคลาสที่ 0.22

นอกจากนี้ค่ายใบพัดสีฟ้ายังประสบความสำเร็จจากตัวเลขประสิทธิผลอย่าง 530i กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 252 แรงม้าจากเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรบล็อกใหม่ (528i กำลัง 218 แรงม้า) แต่กลับกินน้ำมันและปล่อยไอเสียน้อยลง เป็น 17.5 กม./ลิตร และ 129 กรัม/กม. ตามลำดับ (528i เคยเคลมไว้ 16.4 กม./ลิตร และ 142 กรัม/กม.)
เช่นเดียวกับ 520d ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลัง 190 แรงม้าเท่าเดิม แต่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ดีขึ้นเป็น 7.5 วินาที (520d ตัวเก่า 7.7 วินาที) ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันและปล่อยไอเสีย เป็น 20 กม./ลิตร และ 132 กรัม/กม.ตามลำดับ(520d ตัวเก่าเคยเคลมไว้ 19.2 กม./ลิตร และ 137 กรัม/กม.)

แล้วก็เหมือนเดิมที่มักนำเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ที่ถูกใส่มาก่อนใน “ซีรีส์7” (เปิดตัวไปก่อนประมาณ 1 ปี) มาใส่ในซีรีส์5นี้ ทั้งกุญแจรีโมทแบบหน้าจอสัมผัสที่ใหญ่ประมาณสมาร์ทโฟน เอาไว้ดูข้อมูลต่างๆและตั้งเวลาให้รถเปิดระบบแอร์ล่วงหน้าก่อนเราจะเข้าไปนั่งในรถได้

mp37-3263-5 ขณะที่รุ่นท็อป รุ่น530i เพิ่มระบบช่วยถอยเข้าจอดอัตโนมัติ ที่ทำได้ทั้งแบบขนานและเข้าซองโดยผู้ขับไม่ต้องควบคุมพวงมาลัย เบรก และเปลี่ยนเกียร์เลย อย่างการเข้าจอดแบบขนานที่เป็นความลำบากของหลายคน แต่ซีรีส์5 ขอแค่พื้นที่เหลือมากกว่าตัวรถเพียง 80 ซม.ก็สามารถแทรกเข้าไปจอดได้สบาย(ความยาวรถ 4.93 เมตร ดังนั้นช่องจอดเหลือพื้นที่ 5.02 เมตรก็จอดได้แล้ว)

530i ยังจัดระบบ Gesture Control ที่ควบคุมฟังก์ชันหลักด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือ พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่แสดงผลได้ทั้งข้อมูลระบบนำทาง โทรศัพท์ เพลง และเมนูต่างๆของรถ

mp37-3263-6 สำหรับการทดสอบใช้เวลาส่วนมากไปที่สนามบินเล็กขนงพระ อ.ปากช่อง เน้นสัมผัสสมรรถนะเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง การควบคุม และช่วงล่างครับ แน่นอนว่าในรุ่น 530i มีขีดขั้นของพลังทะลุทะลวงชัดเจนกว่า 520d เช่นเดียวกับการควบคุมและการเกาะถนนที่หนึบแน่น ส่วนหนึ่งเพราะรุ่นแรกใช้ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ประกบยางหน้า 245/40 R19 หลัง 275/35 R19 และเซ็ทช่วงล่างมาสปอร์ตกว่า ขณะที่ 520d ใช้ล้อ 18นิ้ว ยาง 245/45 R18 ซึ่งอารมณ์ของการโยนตัวในโค้งต่างกันพอสมควร

ทว่าแรงบิด 400 นิวตันเมตรของ 520d ไม่ธรรมดาครับ จังหวะออกตัวหรืออัตราเร่งในตีนต้นยังสร้างความประทับใจ หากลองจับบุคลิกรวมๆที่เปลี่ยนไปจากตัวเก่าอย่างไร ก็ให้มาเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนี้เห็นชัดครับ ทั้งน้ำหนักพวงมาลัยเบาลง การออกแบบเบาะหน้า-หลังนั่งสบายขึ้น และการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารเงียบกริบ(อาจจะเป็นเพราะขับในสนามบินด้วย) เรียกว่าปรับบุคลิกใหม่ให้นุ่มนวลชวนสุภาพมากขึ้น

รวบรัดตัดความ...ยกระดับความหรูหรา และพัฒนาการขับขี่ให้เนียนนิ่มอย่าง 520d หากเป็นรุ่นประกอบในประเทศน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทว่าใครอยากได้รถเร็ว เอาไปขับเท่ก่อนพร้อมออปชันครบ 530i M Sport สามารถตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วน

mp37-3263-4 จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,263 วันที่ 21 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560