ทบ.1ชี้ บึ้มโรงละครฯ+กองสลาก หวังดิสเครดิตรัฐบาล-คสช. ยันไม่เอี่ยวกลุ่มป่วนภาคใต้

วันที่ 19 พ.ค.60-พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. กล่าวถึงกรณีเสียงดังคล้ายระเบิดบริเวณโรงละครแห่งชาติ เมื่อหัวค่ำวันที่15พ.ค.ว่า สรุปได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง คือ บริเวณโรงละครแห่งชาติ และด้านหน้าสำนักงานสลากกินเเบ่งรัฐบาล ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นรูปแบบของระเบิดที่มีความใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นการก่อกวนและสร้างสถานการณ์โดยไม่ได้หวังผลร้ายแรง คิดว่าเป็นกลุ่มที่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าด้วยความสงบเรียบร้อย

 
"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยและสั่งการผ่านฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการบูรณาการข้อมูลข่าวสารด้านการข่าวต้องค้นหาและพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าผู้ที่ก่อเหตุมีพื้นฐานมาจากไหนอย่างใด เกี่ยวข้องกับด้านการเมืองหรือไม่ หรือเป็นกลุ่มคนที่ไม่พอใจเป็นการส่วนตัวหรือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการต่างๆของรัฐบาลและคสช."ผบ.ทบ.กล่าว

 

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของทหารหรือกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ซึ่งเรามีกองอำนวยการร่วมอยู่แล้ว ตนได้สั่งการให้พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พิจารณาทบทวนถ้ามีความจำเป็นให้นำกองกำลัง กกล.รส.ในพื้นที่อื่นเข้าไปเพิ่มเติม โดยประสานกับตำรวจ ซึ่งขณะนี้ในส่วนของตำรวจก็มีการจัดสายตรวจเพิ่มเติมทั้งในและนอกเครื่องแบบตามห้วงเวลาที่เหมาะสม โดย นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร ให้ตำรวจเร่งรัดรูปคดีเพื่อให้สามารถคลี่คลายปัญหานี้ได้โดยเร็ว

 

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของพี่น้องประชาชนนั้นขอให้ช่วยกัน เนื่องจากพื้นที่บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังมีประชาชนไปถวายสักการะ วันละประมาณ 20,000 คน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในบริเวณนั้นประมาณ 30,000 คน ซึ่งคนค่อนข้างพลุกพล่าน หากมีอะไรที่จะเป็นสิ่งบอกเหตุ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายหรือมีผู้ไม่ประสงค์ดีก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่และที่สำคัญที่ได้เร่งรัดไปก็คือเรื่องกล้องวงจรปิดต้องยอมรับตรงๆว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพไม่ชัดเจนไม่สามารถจะใช้ประโยชน์จากกล้องวงจรปิดได้มากนัก ก็ต้องเร่งรัดการติดกล้องวงจรปิด ที่มีคุณภาพในพื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะมีพิธีสำคัญในอนาคตอันใกล้

 

เมื่อถามว่า ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มไหน เนื่องจาก ทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นใกล้พื้นที่สนามหลวงที่มีพระราชพิธีสำคัญ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังฟันธงลงไปไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มการเมือง หรือกลุ่มคนอื่น แต่ตนมองว่ากลุ่มการเมืองคงไม่ใช่เพราะทุกคนมีความประสงค์ที่จะก้าวไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว ส่วนจะเป็นกลุ่มอื่นหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์คืออะไร เพียงแต่การก่อเหตุ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและไม่ประสงค์ต่อชีวิตประชาชน ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ยังพอยอมรับได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในทุกสังคมจะมีคนประเภทนี้อยู่ที่ก่อกวนเพื่อต้องการให้เกิดเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาหลักหลักก็คือต้องการเครดิตรัฐบาล

 

ผบ.ทบ.กล่าวว่า การดิสเครดิตรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มการเมืองที่เห็นตาม เนื่องจากการบริหารงานของรัฐบาล ที่ผ่านมาเราก็ดำเนินการในหลายอย่างโดยเฉพาะในส่วนของคศช. เช่น การกวาดล้างผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด การจัดระเบียบ สิ่งเหล่านี้ส่วนหนึ่งอาจส่งผลกระทบกับคนที่ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำที่มีความรู้สึกว่าชีวิตต้องมีความเปลี่ยนแปลง ก็จะแสดงออกในรูปแบบต่างๆ บางคนที่ยอมรับและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม บางคนที่ไม่ยอมรับก็อาจจะออกมาในรูปแบบแปลกๆ ในขณะนี้ตราบใดที่เรายังไม่ได้ตัวผู้ดำเนินการก็ไม่ควรที่จะไปบอกว่าเป็นกลุ่มนั้นหรือกลุ่มนี้

 
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ลักษณะของการก่อเหตุเป็นรูปแบบของการก่อกวน และจากการที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตัวจุดระเบิดต่างๆ เป็นของเก่าพอสมควรที่เก็บไว้นานไม่ใช่ที่นำมาประกอบขึ้นใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการซุกเก็บไว้ เมื่อมีจังหวะและโอกาสและมีแรงจูงใจอื่นๆเข้ามาก็ออกมาสร้างสถานการณ์ ยืนยันว่าเราทำงานกันอย่างเต็มที่และเร่งรัดในเรื่องของงานด้านการข่าวการวางกำลังเพิ่มเติมการเข้าไปเคลื่อนไหวในพื้นที่

 
ผบ.ท.บ.กล่าวว่า ที่สำคัญที่สุดที่จะประสบความสำเร็จคือ ข่าวที่จะต้องได้ว่าเหตุการณ์ทั้ง 2 ครั้ง คือใครเป็นผู้กระทำเพื่อตามหาตัว ต้องจุดประกายตรงนี้ให้ได้จากหลักฐานทั้งหมดที่เรามีอยู่ ส่วนที่มีการมองกันว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อดิสเครดิต คสช.ที่จะครบ 3 ปีนั้น ทุกอย่างเป็นไปได้หมด แต่ตนมองว่าไม่ใช่ประเด็นนี้ เนื่องจากคนที่จ้องจะก่อเหตุหรือคนที่ไม่พอใจ หากมีจังหวะ เวลา โอกาส พร้อมทำได้เสมอ ไม่จำเป็นต้องลึกดิสเครดิตตอน 3 ปี เพราะคสช.ก็ไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา ในห้วงเวลาปัจจุบัน ตนไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะโยงกับ 3 ปีของ คสช.

 
"ถ้ามีจังหวะ เวลา มีความพร้อม พวกเขาก็จะทำ เนื่องจากพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุค่อนข้างมืดและอยู่นอกเขตคัดกรอง คนไปมาจำนวนมากมีความสะดวกในการก่อเหตุ ตอนนี้ฝากความหวังไว้กับกล้องวงจรปิด" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว

 
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเหตุการณ์ลอบวางระเบิด ในพื้นที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือพื้นที่ กทม. มักจะหาตัวคนร้ายไม่ได้และทุกอย่างจะเงียบหายไป พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เวลานี้บางส่วนไม่สามารถจับผู้ก่อเหตุได้ เหมือนอย่างเช่นเหตุการณ์วางระเบิด เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ด้านหน้าสำนักงานสลากกินเเบ่งรัฐบาล ถนนราชดำเนิน ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ แม้จะมีผู้ต้องสงสัยและเชิญมาให้ข้อมูล แต่เมื่อไม่ใช่ก็ต้องปล่อยไป ดังนั้นการแถลงข่าวความคืบหน้าของเหตุการณ์ต่างๆจึงเป็นไปคนข้างยาก จนกว่าจะสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุตัวจริงถึงจะมีการชี้แจงแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่

 

ผบ.ทบ.กล่าวว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาการก่อเหตุในพื้นที่ กทม.มีหลายครั้ง กระบวนการในการติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุค่อนข้างยาก เนื่องจากรูปแบบของการวางระเบิด เปิดเผยต่อสังคมน้อย ต้องอาศัยในเรื่องงานด้านการข่าว กล้องวงจรปิด ถ้าหากได้ทั้งคู่ ทั้งการข่าวและภาพจากกล้องวงจรปิดที่ชัดเจนก็จะสามารถตามหาตัวได้ แต่ขณะนี้ ยังไม่มีผู้ต้องสงสัย การแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนจึงไม่สามารถทำได้ และการรีบพูดก่อนก็จะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้

 

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าว มีความคล้ายคลึงกับการวางระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่า ชิ้นส่วนต่างๆของระเบิดที่พบ ไม่ได้เชื่อมโยงกับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเพียงลักษณะการก่อกวน แม้ว่ารูปแบบและวิธีการอาจจะคล้ายกัน แต่สามารถลอกเลียนได้จากอินเตอร์เน็ต แต่วัตถุชิ้นส่วน คนละชนิดกัน พร้อมทั้งยืนยันอีกว่า เหตุระเบิดดังกล่าว ไม่ใช่ก่อเหตุเพื่อกลบกระแสโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำและผลประโยชน์ของสำนักงานสลากกินเเบ่งรัฐบาล ขอให้มองโลกในแง่ดีบ้าง