ปภ.เตือนปชช.ระวังวาตภัย 56 จังหวัด หลายจังหวัดเตรียมโดนฝนถล่มหนัก

18 พ.ค. 2560 | 10:18 น.
วันที่ 18 พ.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานช่วงวันที่ 7 มี.ค. – 18 พ.ค. 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 56 จังหวัด บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 28,528 หลัง ผู้เสียชีวิต 12 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 25 ราย โดยล่าสุดเกิดสถานการณ์วาตภัยใน 3 จังหวัด 3 อำเภอ 2 ตำบล ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน รวมถึงให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง โดยด่วนแล้ว

 
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีปภ. เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 7 มีนาคม – 18 พฤษภาคม 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 56 จังหวัด บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 28,528 หลัง ผู้เสียชีวิต 12 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 25 ราย ปัจจุบันมีสถานการณ์วาตภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 3 อำเภอ 2 ตำบล ได้แก่ นครสวรรค์ เกิดพายุหมุนงวงช้างพัดถล่มพื้นที่บ้านดงพลับ ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี ส่งผลให้เสาไฟฟ้าโค่นล้ม 89 ต้น บ้านเรือนประชาชนอยู่ระหว่างการเร่งสำรวจความเสียหาย สิงห์บุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภออินทร์บุรี บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 8 หลัง ชัยนาท เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอมโนรมย์ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 3 หลัง

 

นายฉัตรชัยกล่าวว่า ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวาตภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

 
อธิบดีปภ. กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่งใน 7 จังหวัด รวม 14 อำเภอ 21 ตำบล 61 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 853 หลัง แยกเป็น ภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ จ.กำแพงเพชร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอพรานกระต่าย บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 800 หลัง อุตรดิตถ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทองแสนขัน อำเภอพิชัย บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 47 หลัง พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 100 ไร่ เชียงใหม่ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจอมทอง อำเภอดอยเต่า อำเภออมก๋อย สะพานเสียหาย 1 แห่ง

 

นายฉัตรชัย กล่าวว่า จ.พิษณุโลก น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชาติตระการ อำเภอวัดโบสถ์ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 6 หลัง ถนน 1 สาย จ.ลำพูน เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอแม่ทา ส่งผลให้คอสะพานบ้านห้วยฮ่อมได้รับความเสียหาย ถนนในหมู่บ้านถูกดินสไลด์ ขวางเส้นทางจราจร ปัจจุบันฝนหยุดตก สามารถสัญจรได้ตามปกติแล้ว

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.เลย น้ำไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอภูกระดึง และอำเภอวังสะพุง ระดับน้ำสูง 10 – 40 เซนติเมตร จ.อุดรธานี เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนายูง และอำเภอหนองวัวซอ ส่งผลให้ทางเบี่ยงจุดก่อสร้างสะพานได้รับความเสียหาย สถานการณ์โดยรวมยังมีฝนตกในพื้นที่ ระดับน้ำทรงตัว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว

 
“จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในวันนี้อีก 1 วัน โดยมีผลกระทบ ดังนี้ ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก กำแพงเพชร เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง บริเวณจังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด” นายฉัตรชัย กล่าว

 

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และชุดเคลื่อนที่เร็วให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับเพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป