MPPM NIDA แนะรัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านEEC อย่างเป็นรูปธรรม

18 พ.ค. 2560 | 04:46 น.
ผู้อำนวยการหลักสูตร MPPM NIDA เชียร์รัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC สร้างบรรยากาศกระตุ้นเศรษฐกิจไต รมาส2 ต่อเนื่องถึงครึ่งปีหลัง เชื่อช่วยดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3.5%

รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับนักบริหาร (MPPM Executive program) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า จากภาพรวมบรรยากาศเศรษฐกิจของไท ยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ที่เติบโตได้เป็นที่น่าพอใจเป็น ผลมาจากการขยายตัวด้านการส่งออก ในเดือนมีนาคมที่สูงถึง 9.22% ทำให้มูลค่าการส่งออกในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เติบโต4.92% โดยหากตัวเลขการส่งออกที่ขยายตั วด้วยระดับ 4% ได้ตลอดทั้งปี และภาคการบริโภค การลงทุนและภาครัฐร่วมกันขับเคลื่ อนย่อมจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้ถึง 3.5%

อย่างไรก็ตาม การเติบโตด้านตัวเลขการส่งออกดังกล่าว เป็นผลมาจากแรงหนุนของราคาพืชผล ทางเกษตร เช่น ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางที่ปรับตั วสูงขึ้น ราคาสินค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์และราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องบางส่วน แต่ไม่ได้เกิดจากการเติบโตของอุปสงค์ภายนอกที่แท้จริง ดังนั้น  หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโต ได้ตามเป้าหมาย ภาคส่วนอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจจะต้องช่วยกันขับเคลื่อน โดยเฉพาะการลงทุนจากภาครัฐที่ต้องเป็นหัวหอกในการผลักดันนโยบาย การลงทุนในโครงการต่างๆ ให้เห็นภาพชัดเจนและเป็นรูปธรรม ในเชิงปฏิบัติให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ภาครัฐควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมและโลจิสติกส์ ตลอดจนการลงทุนในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทางภาคตะวันออก หรือ EEC อันจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการขั บเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ อิเล็คทรอนิกส์ การแปรรูปอาหาร การท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มสูงขึ้นและเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญของอาเซียน

ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับนักบริหาร นิด้ากล่าวว่า หากภาครัฐเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังและโครงการลง ทุนต่างๆ ในเขต EEC ที่เน้นการจัดลำดับความสำคัญของ โครงการอย่างเหมาะสม โดยเลือกโครงการที่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด มาดำเนินการในเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในลักษณะออกดำเนินการ เป็นชุดโครงการ เพื่อหวังอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและส่ งเสริมด้วยการขอความร่วมมือกับภาคการเงิน เพื่อใช้เป็นกลไกของนโยบายทางการเงินช่วยดึงดูดภาคเอกชนให้เกิดการลงทุนอย่างจริงจัง อันจะทำให้เกิดการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตามมาเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้จริงจากการลงทุนและกำลังซื้อภายในประเทศ ส่งผลดีต่อผลเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะทำให้ GDP ของไทยปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 3.5%