วิรไทชื่นชม4เเบงก์ลดดอกเบี้ย

17 พ.ค. 2560 | 08:45 น.
วันนี้ (17 พ.ค. 60) - ธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งเตรียมพิจารณาลดดอกเบี้ยเงินกู้ช่วยรายย่อยตามนโยบายกระทรวงการคลัง ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยชื่นชมทุกธนาคารที่ลดดอกเบี้ย พร้อมแนะปรับปรุงวิธีการปล่อยสินเชื่อที่ใช้หลักประกันอื่นนอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้พ.ร.บ. ธุรกิจหลักประกัน

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ชื่นชมธนาคารพาณิชย์ 4 แห่งให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและประชาชนรายย่อย ส่วนธนาคารอื่นโดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็กขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและโครงสร้างสินเชื่อซึ่งบางธนาคารเน้นให้กู้ธุรกิจเอสเอ็มอีไม่มาก

ในการแก้ปัญหาต้นทุนการเงินของธุรกิจรายย่อยต้องปรับปรุงโครงสร้างระยะยาวใน 2 เรื่องคือวิธีการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร เนื่องจากปัจจุบัน พรบ.ธุรกิจหลักประกันมีผลใช้แล้ว จึงควรให้เอสเอ็มอีสามารถนำหลักประกันอื่นนอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์มาเป็นหลักประกันขอสินเชื่อได้มากขึ้น เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา / ยอดขายสินค้าหรือยอดการชำระเงินในธุรกิจอีคอมเมิรซ์ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่เอสเอ็มอีต้องพัฒนาตัวเองเพื่อลดต้นทุน ด้วยการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน หรือพัฒนาการใช้เทคโนโลยี

ด้านนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่าอยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานทั้ง เอ็มอาร์อาร์ เอ็มแอลอาร์ และ เอ็มโออาร์ เช่นกัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าสินเชื่อที่จะได้ประโยชน์ จะเกิดขึ้นกับลูกค้าที่มีเงื่อนไขกู้อิงกับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบ้านของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทยปัจจุบันถือว่าอยุ่ในระดับต่ำมาก เช่น สินเชื่อบ้านต่ำสุดที่ร้อยละ 3.3 และสินเชื่อบุคคลต่ำสุดที่ร้อยละ 9 จากเพดานสูงสุดปล่อยกู้ได้ร้อยละ 28 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยอยู่ในระดับใกล้ร้อยละ 3 ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ค่อนข้างแคบ

ขณะที่นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย ระบุว่าในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินเพื่อพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงมา ตามธนาคารขนาดใหญ่ที่ปรับลดลง แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารจะออกแคมเปญเงินฝากดอกเบี้ยสูงแต่ไม่มีแนวคดลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มองว่าเป็นเรื่องดีที่ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเพราะจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้แต่จะมากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม

และการปรับลดครั้งนี้ยังสอดคล้องกับความต้องการของภาครัฐในการช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยในส่วนสมาชิกรายย่อยของหอการค้าไทยนั้น ก็มีแผนงานติดตามความต้องการ เพื่อสนับสนุนอยู่แล้ว ทั้งนี้ในวันที่ 18 พฤษภาคม หอการค้าไทยจะเข้าหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( อังค์ถัด )กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยเงินฝากของไทยต่ำมากไม่ถึงร้อยละ 1 ทำให้การออมในประเทศไม่เติบโต รวมถึงต้องดูแลดอกเบี้ยเงินกู้ควบคู่กันไปด้วย เพราะล่าสุดธนาคารพาณิชย์สามารถหารายได้จากการประกอบธุรกิจอื่นๆ ได้แล้วตามคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้มีรายได้จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวเช่นในอดีต

ส่วนสถานการณ์หนี้ภาคครัวเรือนปีนี้ ประเมินว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากหนี้ครัวเรือนเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวแล้วตั้งแต่ปี 2559 ประกอบกับปีนี้ราคาสินค้าเกษตรยังปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มรากหญ้าดีขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งยังเห็นความจริงจังของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เข้ามาควบคุมระดับหนี้ครัวเรือนอย่างเข้มงวดมาก