"เบนซ์ เรซซิ่ง" เเถลงพรุ่งนี้ หลังโดนข้อหา "หนุนค้ายา"

16 พ.ค. 2560 | 11:01 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

วันที่ 16 พ.ค.60 เมื่อเวลา 13.30น.ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)ว่า นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง สามี น.ส.นปภา ตันตระกูล นักแสดงสาว พร้อมทนายความส่วนตัว เข้าพบ พ.ต.อ.รณเดช กลิ่นอุทัย ผกก.กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บก.ปส.1 บช.ปส. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในข้อหา “สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด , รับเงินทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใด จากผู้กระทำความผิด เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือ เพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ” ตามมาตรา6 แห่งพ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน บช.ปส.

โดยนายอัครกิตติ์ใช้เวลาในการเข้าพบและรับทราบข้อกล่าวหา 1 ชั่วโมง ก่อนจะรีบเดินทางขึ้นรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวหมายเลขทะเบียน 3กล8403 กรุงเทพมหานคร กลับทันที โดยในระหว่างนั้นนายอัครกิตติ์ ได้กล่าวสั้นๆกับสื่อมวลชนว่า "วันนี้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อต้องการนำหลักฐานเอกสารอื่นๆเกี่ยวกับคดีมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และจะขอชี้แจงรายละเอียดให้สื่อรับทราบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้(17พ.ค.) ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เนื่องจากมีกำหนดต้องไปรายงานต่อศาลหลังครบกำหนดการฝากขังผัดที่ 7"

พ.ต.อ.รณเดช กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ตรวจพบหลักฐานการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเพิ่มเติมของ นายอัครกิตติ์,น.ส.อังสุพร อินาหรืออุ้ม และนายสรรเสริญ รสานนท์หรือเเน็ต ซึ่งเป็นลูกน้องของนายณัฐพล นาคคำหรือบอย ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา เนื่องจากพบว่า นายอัครกิตต์ นายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร ซึ่งถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้วในความผิดฐาน “ฟอกเงิน” นั้น เคยรับเงินของนายณัฐพล อีกทั้งยังได้นำเงินดังกล่าวนั้นมาทำการฟอกเงิน จึงถือเป็นการช่วยหรือสนับสนุนการกระทำความผิดจึงเข้าข่ายความผิดฐาน “สนับสนุนหรือช่วยเหลือและสมคบกันกระทำความผิด” ตามพ.ร.บ.มาตราการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

พ.ต.อ.รณเดช กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจึงได้ทำเรื่องแจ้งไปยังนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อขออนุมัติในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวกับนายอัครกิตติ์ นายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นอำนาจของเลขาธิการป.ป.ส.ในการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ต่อมาวันที่ 5 พ.ค. เลขาธิการป.ป.ส.ได้ทำการอนุมัติให้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว

พ.ต.อ.รณเดช กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนจึงได้ประสานติดต่อไปยังนายอัครกิตติ์ พร้อมกับนายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร ในทันทีเพื่อให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา แต่นายอัครกิตติ์ แจ้งว่ายังไม่พร้อมที่จะเดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากไม่มีคนดูแลบุตร เพราะภรรยานั้นต้องเดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเช่นกัน จึงขอเดินทางมาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้แทน ส่วนนายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร นั้นได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวเพิ่มเติมไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

พ.ต.อ.รณเดชกล่าวว่า ส่วนของความคืบหน้าด้านสำนวนคดีฟอกเงินของนายอัครกิตติ์และพวกนั้น เบื้องต้นแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะสามารถสรุปส่งให้อัยการทันภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทันในการฝากขังสุดท้ายอัครกิตติ์ ผัดสุดท้ายอย่างแน่นอน

นายสิทธิโชค ตรีเนตร ทนายความนายอัครกิตติ์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวน บช. ปส. ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับนายอัครกิตติ์ในวันนี้ สำหรับขั้นตอนทางคดีต่อไป ตนจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) ภายหลังที่นายอัครกิตติ์ เดินทางไปรายงานตัวต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เวลา 08.30 น.ระหว่างการฝากขังครั้งที่ 7 ในคดีฟอกเงิน ซึ่งคาดว่าพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในการฝากขังต่อศาลทราบในวันพรุ่งนี้เช่นกัน โดยไม่ได้เป็นการยื่นคำร้องฝากขังใหม่ซึ่งขณะนี้ต้องถือว่าตัวนายอัครกิตติ์ อยู่ในอำนาจศาลอยู่แล้ว