ตลาดสหรัฐฯฉุดส่งออกการ์เมนต์ไทยไตรมาส 1/60 ยังติดลบผลพวงความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ทำสั่งซื้อชะลอตัว สมาคมฯเครื่องนุ่งห่มชี้ภาพรวมสมาชิกกว่า221 รายยังเป็นโออีเอ็ม ยํ้าเป็นจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อนฐานในตปท.โตทำรายได้ปีที่แล้วเกือบ 1.7 หมื่นล้าน
นายถาวร กนกวลีวงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาพรวมการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่ม(การ์เมนต์)ของไทยช่วง 3 เดือนแรกปี 2560 ว่า มีมูลค่า 577.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัวลดลง 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ข้อมูลเฉพาะเดือนมีนาคมล่าสุดมีการส่งออก 206 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวที่ 5.3% ถือเป็นการขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกของปีนี้โดยตลาดหลัก 5 อันดับแรกซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 83 % ของการส่งออกรวม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น อาเซียน จีน+ฮ่องกง ขยายตัว -4.8, 26.7, 4.3, 10.8 และ 19.6% ตามลำดับ
"ยอดส่งออกในเดือนมีนาคม ตลาดหลักๆ ขยายตัวเป็นบวก ยกเว้นตลาดสหรัฐฯ(สัดส่วนส่งออก 30%)ที่ยังติดลบ เป็นผลพวงจากความไม่แน่นอน และความไม่ชัดเจนนโยบายด้านการค้าของนายโดนัลด์ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เช่นการสั่งตรวจสอบการขาดดุลการค้ากับหลายประเทศ เช่นจีน รวมถึงไทยใน 90 วัน ซึ่งจะครบในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ หรืออาจจะขยายเวลาตรวจสอบออกไปอีกหรือไม่ ก่อนหน้านี้ทรัมป์ก็ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจีน สุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรออกมา ทำให้ผู้นำเข้าไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่จึงชะลอการสั่งซื้อ"
อย่างไรก็ดีมองว่าการส่งออกเครื่องนุ่งห่มช่วงครึ่งแรกของปีนี้คาดจะกระเตื้องดีขึ้นจากตลาดหลักอื่นๆ มีทิศทางขยายตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนครึ่งปีหลังปกติจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการสั่งซื้อและการส่งมอบสูงกว่าครึ่งปีแรก ประกอบกับในปีหน้าจะอีเวนต์การแข่งขันฟุตบอลโลก(เวิลด์คัพ 2018)ที่รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพ คาดการสั่งซื้อเสื้อผ้ากีฬาปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะขยายตัวมากขึ้น ดังนั้นจึงตั้งเป้าหมายการส่งออกเครื่องนุ่งห่มของไทยในปีนี้จะขยายตัวที่ 2-3% (จากปี 2559 ส่งออก 2,412.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดลบ 8.9%)
นายถาวร ยังเผยถึงภาพรวมสมาชิกสมาคมฯ ณ ปัจจุบันมี 338 รายมียอดขาย/ยอดส่งออกรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 60-70% ของผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มทั้งประเทศ ในจำนวนนี้เป็นผู้รับจ้างผลิตในแบรนด์ลูกค้า(โออีเอ็ม) 221 ราย และผลิตในแบรนด์ลูกค้าและมีแบรนด์ของตัวเองด้วย 116 ราย และเป็นบริษัทการค้า 1 ราย ทั้งนี้การที่ส่วนใหญ่เป็นโออีเอ็มมองว่าเป็นจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน เพราะไทยเป็นผู้ผลิตโออีเอ็มที่มีคุณภาพมาตรฐานสูง ส่งมอบตรงเวลา มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำครบวงจร เป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่ยังเชื่อมโยงการผลิต และนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าไปพร้อมกับสินค้าอื่นๆได้ด้วย เช่นกระเป๋า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ขณะเดียวกันปัจจุบันมีสมาชิกของสมาคมซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รวม 25 บริษัทได้เข้าไปขยายฐานการผลิตใน 6 ประเทศรวม 35 โรงงาน ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา ลาว จีน อินโดนีเซีย และเมียนมา เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ของประเทศเพื่อนบ้านในการผลิตส่งออกและเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งในปีที่ผ่านมายอดส่งออกของฐานผลิตในต่างประเทศคาดมีจะสัดส่วนประมาณ 20% ของยอดการส่งออกจากประเทศไทยหรือมีมูลค่าประมาณ 482 ล้านดอลลาร์( 1.68 หมื่นล้านบาท) ซึ่งหากนำตัวเลขการส่งออกจากฐานผลิตในต่างประเทศมารวมด้วยการส่งออกเครื่องนุ่งห่มของไทยยังโตต่อเนื่อง
"สมาชิกสมาคม 221 รายผลิตแบบโออีเอ็มอย่างเดียว มี 116 รายที่ผลิตแบบโออีเอ็มและมีแบรนด์ตัวเองผลิตขายในประเทศและส่งออกด้วยซึ่งกลุ่มหลังนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,262 วันที่ 18 - 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560