MINT รายได้พุ่ง11%รับผลดีธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหารเติบโต

12 พ.ค. 2560 | 08:06 น.
ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยไตรมาสแรกกำไรสุทธิหด 46% เหตุงวดปีก่อนมีรายการพิเศษซื้อกิจการ ชูกำไรจากการดำเนินงานเติบโตดี ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารฟื้นตัวต่อเนื่อง

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2560 มีกำไรสุทธิ 1,924.45 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.4363 บาท ลดลง 46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,574.79 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.812 บาท

บริษัทมีรายได้รวม 15,379 ล้านบาท เติบโต 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและกำไรสุทธิเติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบรายได้รวมและกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ไม่รวมกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการเข้าซื้อกิจการของธุรกิจโรงแรมทิโวลีในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมจำนวน 1,932 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของกำไรมาจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร รวมทั้งธุรกิจในประเทศไทยซึ่งสามารถพลิกฟื้นผลการดำเนินงานได้อย่างแข็งแกร่ง ภายหลังจากช่วงไว้อาลัยในประเทศไทยในไตรมาส 4 ปี 2559 ส่งผลให้อัตราการทำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานสูงขึ้นจาก 11.8% ในไตรมาส 1 ปี 2559 เป็น 12.5% ในไตรมาส 1 ปี 2560
ฃทั้งนี้ ธุรกิจโรงแรมและอื่นๆที่เกี่ยวข้องมีรายได้เติบโต 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโรงแรมในประเทศไทยและประเทศบราซิล จากสภาพเศรษฐฏิจที่ดีขึ้น การเติบโตต่อเนื่องของกลุ่มโอ๊คส์ในประเทศออสเตรเลบียและผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจร้านอาหารรายได้เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายและผลิตรายได้ทรงตัว โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆ มีสัดส่วนคิดเป็น 55% ของรายได้รวม ธุรกิจร้านอาหารมีสัดส่วนรายได้ 39% และธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตมีสัดส่วน 6%

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2560 ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการดำเนินงานในประเทศไทย ด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ดี ส่วนกลุ่มโรงแรมทิโวลี ทั้งในประเทศบราซิลและประเทศโปรตุเกส คาดว่าจะมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการปรับปรึงโรงแรมเสร็จสิ้น ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังตงเติบโตต่อเนื่อง ด้วยแผนการขยายโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายและโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต