กรมที่ดินไล่เช็คบิลบิ๊กทุน-ชาวบ้านรุกป่าไม่สนสังคมออนไลน์ประณาม

11 พ.ค. 2560 | 11:45 น.
กรมที่ดิน ไล่บี้ยึดคืนผืนป่า-ที่ดินสาธารณะทั่วประเทศ ล่าสุด ชาวบ้านในเทศบาลตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์โวยผ่านสื่อออนไลน์

นายประทีป  กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบการบุกรุกการทำประโยชน์ที่ดินตามนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล ทั่วประเทศ และล่าสุด เกิดกระแสโจมตีผ่านสังคมออนไลน์ ว่ากรมสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านหลายสิบครอบครัวในเทศบาลตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการถูกทางการบังคับให้ออกจากที่ดินทั้งที่อยู่มาก่อนประกาศขึ้นทะเบียนที่ดินสาธารณประโยชน์ดังนั้นจึงชี้แจงว่าได้ตรวจสอบถูกต้องตามข้อเท็จจริงดังนี้

1.ที่ดินสาธารณประโยชน์ ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกเขากระโดง ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแล้วจำนวน  3 แปลง ประกอบด้วย น.ส.ล. เลขที่ 4130/2515 เนื้อที่ 2,583-2-55.4 ไร่  ออกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน  2515  2. น.ส.ล. เลขที่  46000  เนื้อที่ 18-3-32 ไร่ ออกเมื่อวันที่  14  กุมภาพันธ์ 2534 และ 3. น.ส.ล. เลขที่  46001 เนื้อที่ 2,680-1-17 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2534 โดยทั้งสามแปลงอยู่ในความรับผิดชอบดูแลชองเทศบาลตำบลอิสาณ องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ด และ องค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก

2. กรณีที่เป็นข่าว ได้แก่ แปลง น.ส.ล. เลขที่  4130/2515 เนื้อที่  2,583-2-55.4 ไร่ มีส่วนราชการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ คือ ใช้เป็นที่ตั้งศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ รวม เนื้อที่  829-3-84 ไร่ ปัจจุบันมีราษฎรบุกรุกเข้าทำประโยชน์เป็นบางส่วน ซึ่งอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และ เทศบาลตำบลอิสาณ ร่วมกับมณฑลทหารบกที่  26 ได้ผลักดัน และทำความเข้าใจกับราษฎรที่บุกรุกให้ออกจากพื้นที่สาธารณะเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ สาขาพยาบาลศาสตร์ ซึ่งปรากฏว่ามีราษฎรบางส่วนยินยอมออกไปจากพื้นที่

สำหรับราษฎรที่ไม่ยินยอมออกจากพื้นที่ มีจำนวน 27 ราย ได้ฟ้องคดีเพื่อพิสูจน์สิทธิในที่ดินต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ตามคดีหมายเลขดำที่  757/2560 ลงวันที่ 21 เมษายน  2560 โดยฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1  เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 2 เทศบาลตำบลอิสาณ โดยนายกเทศมนตรี นายสุพจน์ สวัสดิ์พุทธา ที่3 ข้อหาหรือฐานความผิดขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ฉบับที่ 4130/2515 ดังนั้นกรมที่ดินเห็นว่าคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายแล้ว จึงเห็นควรรอผลการพิจารณาดังกล่าวต่อไป