เผย 4 คนร้าย ร่วมบึ้มปัตตานี เจ้าของคาร์บอมบ์เร้นกาย!

10 พ.ค. 2560 | 09:46 น.
วันที่ 10 พ.ค. 60 -- พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปัตตานี เปิดเผยกับสถานีข่าวสปริงนิวส์ถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 พ.ค.) ของเจ้าหน้าที่ พบว่า มีถังแก๊ส 2 ถัง ขนาด 4 กิโลกรัม และ 15 กิโลกรัม ที่ใช้ทำเป็นระเบิดน้ำหนัก 60-70 กิโลกรัม ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุพบรถยนต์เสียหายกว่า 20 คัน และรถจักรยานยนต์เสียหาย 40-50 คัน โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่เคลื่อนย้ายรถที่ได้รับความเสียหายออกจากลานจอดรถ

ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ จากการตรวจสอบขณะนี้พบว่า มี 4 คนเท่านั้น ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามตัว ขณะที่การติดตามตัว นายนุสน ขจรดำ เจ้าของรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน บง-3303 ยะลา ซึ่งเป็นรถคาร์บอมบ์ที่ก่อเหตุ ซึ่งเป็นเจ้าของรถกระบะที่ใช้ในการก่อเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้ ได้มีการประสานไปยัง สภ.หนองจิก และประชาชนในพื้นที่ให้เร่งติดตามตัว เนื่องจากพบว่า สัญญาณโทรศัพท์มือถือได้ขาดหายไป ครั้งสุดท้ายที่บริเวณรอยต่อ อ.หนองจิก และ อ.เมือง จ.ปัตตานี

ด้าน พ.ต.อ.ฐมฌ์พงศ์ เพ็ชร์พิรุณ ผู้กำกับการ สภ.หนองจิก ยืนยันกับสถานีข่าวสปริงนิวส์ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ ยังไม่พบรถกระบะที่ใช้ในการก่อเหตุผ่านเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด ซึ่งได้ประสานไปยังฝ่ายสืบสวนให้เร่งติดตามตัวเจ้าของรถคันดังกล่าวแล้ว

ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาปัตตานี ได้ตั้งโต๊ะเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุคาร์บอมบ์ โดยมีคนมาลงทะเบียนแล้วกว่า 50 คน ส่วนผู้บาดเจ็บ 61 คน ส่วนใหญ่กลับบ้านได้แล้ว เหลืออีก 24 คน ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี มีอาการสาหัส 2 คน ส่วนอีก 1 คน ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลหาดใหญ่

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัย เป็นชาย 4 คน กำลังขับรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าบนถนนหนองจิก-ปัตตานี และจากการตรวจสอบพบว่า มีผู้ก่อเหตุทั้งหมด 6 คน โดย 2 คนแรก คือ คนที่วางระเบิดประทัดยักษ์ตรงปากทางเข้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ห่างจากจุดคาร์บอมบ์ 50 เมตร แล้วหลบหนีไป จากนั้นคนร้ายอีก 2 คน ที่สวมเสื้อสีแดงกับสีดำ ขับรถยนต์มาวางระเบิดตรงจุดที่เกิดคาร์บอมบ์ ก่อนจะหลบหนีด้วยการซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ไปตามเส้นทางหนองจิก-ปัตตานี

ส่วนวัตถุพยานที่พบในที่เกิดเหตุมีดังนี้ จุดที่ 1 ปากทางเข้าลานจอดรถ พบ 1.ภาชนะบรรจุชิ้นส่วนโลหะ สามารถพับงอได้ น้ำหนักประมาณ 200 กรัม 2.ระบบการจุดระเบิด จุดระเบิดด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมการจุดด้วยการตั้งเวลา วงจร IC TIMER 3.แหล่งจ่ายพลังงาน ชิ้นส่วนแบตเตอรี่ ขนาด 1.5 โวลต์ และ 9 โวลต์ 4.ดินระเบิด 5.พลาสติกสีฟ้า ชิ้นส่วนภาชนะห่อหุ้มชุดวงจรจุดระเบิด

จุดที่ 2 เป็นจุดที่รถยนต์คาร์บอมบ์จอดอยู่ช่วงเกิดเหตุบริเวณประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี พบ 1.ภาชนะบรรจุชิ้นส่วนถังแก๊สหุงต้ม สีส้ม ขนาดบรรจุ 4 กิโลกรัม และถังแก๊สหุงต้มสีเขียว ขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม 2.ระบบการจุดระเบิด 2 ระบบ คือ ควบคุมการจุดระยะไกลด้วยวิทยุสื่อสาร และควบคุมการจุดด้วยการตั้งเวลาด้วยวงจร IC TIMER 3.แหล่งจ่ายพลังงาน ชิ้นส่วนแบตเตอรีขนาด 1.5 โวลต์ และ 9 โวลต์ 4.ดินระเบิดหลัก H.M.E. 5.ส่วนสังหาร คือ เหล็กเส้นตัดท่อนเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.4 เซนติเมตร และ 0.6 มิลลิเมตร 6.ชิ้นส่วนแกลลอนสีเหลืองที่บรรจุน้ำมันเชื้อเพลิง

ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิดจากจุดต่าง ๆ ซึ่งมีความชัดเจนมากขึ้น และได้ให้ฝ่ายความมั่นคงสเก็ตช์ภาพพร้อมกับตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยว่า มีประวัติเคยเป็นอาชญากรในคดีความมั่นคงด้วยหรือไม่

ดร.ตายูดิน อุสมาน อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวถึงสถานการณ์เหตุการณ์ระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อ.เมือง จ.ปัตตานี ว่า ตนได้วิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กลุ่มที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นกลุ่มคนเห็นต่าง ที่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการพูดคุยสันติสุข แต่พยายามที่แสดงศักยภาพว่า ตัวเองยังมีตัวตนและศักยภาพเพียงพอในการก่อเหตุต่าง ๆ ในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มนี้จะนิยมใช้ความรุนแรง ฉะนั้นต้องสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นให้ได้ ส่วนจะมีผลต่อการเจรจาหรือไม่อย่างไรนั้น ตนมองว่า แน่นอนเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น การเจรจาจะต้องสะดุดหรือถอยหลังลงมา แต่ต้องให้มีโต๊ะเจรจากันต่อไป เพื่อมาคุยกัน ทำไมยังเกิดเหตุ เพราะได้มีการพูดคุยว่า จะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ก็ยังเกิดขึ้นได้อีก ดังนั้น ต้องทบทวนเงื่อนไขต่าง ๆ ว่า จะเดินหน้ากันอย่างไรต่อไป

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นกับพื้นที่อ่อนแอ ทั้ง ๆ ที่ทั้ง 2 ฝ่าย กำลังพูดคุยให้มีการยกเว้นการเกิดเหตุในบางพื้นที่ สำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์มาใช้พื้นที่ในการดำรงตนนั้น ทั้ง 2 ฝ่าย ก็ต้องมาทบทวนด้วยว่า เหตุใดจึงเกิดเหตุได้

ดร.ตายูดิน ยังกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ว่า ก็ต้องปรับมาตรการการตรวจสอบให้เข้มข้นมากกว่าเดิม เพราะในพื้นที่มีการตรวจตราอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเกิดเหตุได้ ดังนั้น ฝ่ายความมั่นคงต้องมาทบทวนดูมาตรการที่ผ่านมาว่า รัดกุมมากน้อยแค่ไหน