“อิเกีย” ปักหมุดเมืองทองธานีเป็นสโตร์แห่งที่ 3 ตามกลยุทธ์จับแนวรถไฟฟ้า ส่วนสาขาบางใหญ่เปิดในปีนี้ ขณะที่บีแลนด์ให้อิเกียเช่าพื้นที่ริมทะเลสาบ ปรับแผนลงทุนอิมแพ็คหมื่นล้านลุ้นครม.ไฟเขียวบีทีเอสเชื่อมกิ่งเข้าเมืองทอง
หลังจากกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ได้รับสัมปทานการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตรวงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเซ็นสัญญาก่อสร้างกับรฟม.ครม.อนุมัติในเร็วๆ นี้ ปรากฏว่า“อิเกีย” แบรนด์ยักษ์ศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านระดับโลกบริหารโดย “อิคาโน่” จากสวีเดนเตรียมผุดอิเกียแห่งที่ 3 ในเมืองไทย ที่เมืองทองธานี
ผู้บริหารบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ฯ ยอมรับว่าหลังจากเมกาบางนา ยังไม่มีแผนลงทุนก่อสร้างเมการังสิต อิเกียจึงต้องหาพันธมิตรใหม่ และเลือกจับมือกับบีแลนด์ ที่เมืองทองธานีตามแผนเดินหน้าขยายลงทุนเพิ่มทันทีที่มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำให้อิเกียบรรลุตามนโยบายที่วางไว้คือขยายสโตร์ให้ได้ 3 แห่ง ภายใน 5-7 ปี
“ปีนี้ก็ครบรอบ 5 ปีแล้วจึงเหลือเวลาเพียงแค่ 2 ปีที่จะต้องขยายสโตร์ให้ได้ตามกำหนดส่วนแผนเดิมที่ย่านรังสิต ปทุมธานีคงชะลอไว้ก่อน”
รูปแบบการลงทุน จะคล้ายกับการเช่าพื้นที่ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต บางใหญ่ซึ่งอิเกียเลือกเป็นพันธมิตรแทนที่เมกาบางนา หลังจากที่เมกาบางนายังไม่มีแผนลงทุนในสาขา 2 และ3 อย่างเป็นทางการ แม้ที่ผ่านมาจะประกาศลงทุนเมกาบางนาสาขา 2 หรือ เมกา บางใหญ่ แต่ก็ยกเลิกและขายพื้นที่ทิ้งไปแล้หลังจากที่เซ็นทรัล กรุ๊ปเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ทำให้อิเกียต้องหันไปเป็นพันธมิตรกับเซ็นทรัล เช่าพื้นที่ภายในเวสต์เกต พร้อมลงทุนกว่า6,300 ล้านบาทในการก่อสร้างอิเกีย บางใหญ่ ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปี 2560 นี้ “ทำเลเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกตถือว่าดี มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่านทำให้ลูกค้าสัญจรสะดวก มีความพร้อมมากกว่าทำเลที่เมืองทองธานี ซึ่งจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูก็เช่นกัน ถือว่ามีความพร้อมและมีกำลังซื้อ”
บีแลนด์เตรียมเซ็นสัญญากับทางอิเกีย ในการให้เช่าพื้นที่ส่วนหนึ่ง บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี ขณะที่บีแลนด์ยังมีแผนการลงทุนเองหลายโครงการในพื้นที่เมืองทองธานี
“เรากำลังจัดอันดับแผนการลงทุนในโครงการใหม่ รวมถึงมองการลงทุนใหม่ที่จะพัฒนาขึ้นได้อีก เพื่อให้การโครงการต่างๆดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงปี2562-2564 รองรับการขยายตัวของลูกค้าที่จะเข้ามาในพื้นที่ได้สะดวกขึ้น หลังเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้ามายังเมืองทอง”
ก่อนหน้านี้นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) (BTS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 3 เมษายน 2560 มีมติอนุมัติการยื่นข้อเสนอเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองรวมถึงข้อเสนอของส่วนต่อขยายของโครงการทั้ง 2 โดยประมาณการลงทุนสายสีชมพู วงเงิน 47,314ล้านบาท รวมส่วนต่อขยายจากสถานีศรีรัช ถนนแจ้งวัฒนะ ระยะทาง 2.8 กม. วิ่งไปตามแนวทางด่วนเข้าเมืองทองธานี มี 2 สถานีอยู่ติดอาคารชาเลนเจอร์ กับสนามฟุตบอลเอสซีจี และสายสีเหลือง วงเงิน 46,404 ล้านบาทรวมส่วนต่อขยายไปอีก 2.6 กม.จากแยกลาดพร้าวสร้างบนถนนรัชดาภิเษกผ่านศาลอาญาไปเชื่อมสีเขียว (หมอชิต-คูคต) ที่สถานีรัชโยธิน มี 2 สถานี
แหล่งเงินทุน มาจากเงินตามสัดส่วนการถือหุ้นสถาบันการเงินและบีแลนด์ช่วยสายสีชมพูอีก1,250 ล้านบาทสำหรับสร้างส่วนต่อขยายเข้าไปเมืองทองธานี
**กางแผนบีแลนด์ปลุกอิมแพ็ค
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทอิมแพ็คเอ็กซิบิชั่นแมนเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าจากความชัดเจนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่บีทีเอสจะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564จะเชื่อมให้เกิดการเดินทางเชื่อมต่อจุดสำคัญ คือ ศูนย์ราชการ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะทำให้เดินทางได้อย่างสะดวก ยังจะช่วยดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆให้เดินทางเข้ามาใช้บริการต่างๆที่บางกอกแลนด์ได้พัฒนาให้เกิดการลงทุนในพื้นทีเพื่อยกระดับอิมแพ็ค ให้เป็นTourist Attraction (แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว) ของกรุงเทพฯรวมถึงยังทำให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปากรกว่า 4 พันคนเดินทางได้สะดวกขึ้น หลังจากอิมแพ็คได้ขายพื้นที่ในอิมแพ็คไปราว 10 ไร่ ให้ทางมหาวิทยาลัยพัฒนาให้เป็น “ซิตี แคมปัส” ในการขยายหลักสูตรการเรียนการสอน ที่จะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้
สำหรับแผนการพัฒนาที่จะยกระดับอิมแพ็คให้เป็นTourist Attraction นั้น ในช่วง 5 ปี การลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาทขณะนี้มีโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว คือ อิมแพ็คสปีดพาร์ค สนามโกคาร์ทมาตรฐานสากล ไอบิสกรุงเทพ อิมแพ็คขนาด 585 ห้องศูนย์ค้าปลีก ชื่อเดอะ พอร์ททอลที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและยังเหลือโครงการสำนักงานให้เช่าคอสโมออฟฟิศ พาร์ค สูง 11 ชั้น อาคารจอดรถ 2 พันคน และคอสโมบาซาร์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
การลงทุนในส่วนมารีน่าในทะเลสาบเมืองทองธานี ที่จะรองรับเรือยอชต์ ได้ 36 ลำเราคงรอจังหวะก่อน แต่จะมีการลงทุนเรื่องของวอเตอร์พาร์ก หรือสวนนํ้าบนพื้นที่ 20 ไร่ ใกล้ๆมหาวิทยาลัยศิลปากร มูลค่าการลงทุนราว 3 พันล้านบาท รองรับได้ราว 8 พันคน โดยจะลงทุนได้ช่วงปลายปีนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน เพื่อให้เปิดบริการได้ในปี 2562 เรายังมองถึงการเพิ่มเติมการลงทุนที่จะเกิดขึ้นใหม่ โดยจะมีการย้ายพื้นที่ตลาดสด ตัดถนนใหม่ สร้างพื้นที่เอาต์เลต เฟส 5 และจะขยายการลงทุนห้องพักในส่วนของไอบิส กรุงเทพอิมแพ็ค ที่จะสร้างเพิ่มอีก 1อาคาร ขนาด 550 ห้อง และขยายห้องพักในส่วนของโรงแรมโนโวเทลอิมแพ็คเพิ่มอีก 1 อาคาร ซึ่งจะทำให้อิมแพ็ค ขยายฐานลูกค้ากลุ่มประชุม-สัมมนาขนาดกลางและเล็กได้ โดยพ่วงขายเป็นแพ็กเกจประชุมรวมห้องพักและการมีจุดขายที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในพื้นที่ ก็จะทำให้เราขายพ่วงให้แก่ลูกค้ากลุ่มไมซ์ได้โดยปีนี้อิมแพ็คตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจอยู่ที่ราว 5% จากจำนวนการจัดงานในแต่ละปีที่อยู่ระหว่าง 800-900 งาน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,260 วันที่ 11 - 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560