บลจ.เชียร์ทยอยสะสมหุ้นยุโรป มองความเสี่ยงการเมืองลด เลิกQEดึงเงินเข้าตลาด

11 พ.ค. 2560 | 00:00 น.
บลจ.กสิกรไทย-กรุงไทย แนะทยอยเก็บหุ้นยุโรปชูกำไร บจ.โต ราคาหุ้นถูก ลุ้นเลิกคิวอีดึงเงินเข้าเก็งกำไรครึ่งปีหลัง “ทหารไทย” ชูตลาดเกิดใหม่น่าสนกว่า

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกมาตามคาดหมาย โดยนายเอ็มมานูเอล มาครอง ได้รับชัยชนะ จึงทำให้ความกังวลว่าฝรั่งเศสจะออกจากกลุ่มสภาพยุโรป (อียู) เหมือนอังกฤษจึงหมดไป ส่งผลให้ความน่าสนใจในตลาดหุ้นยุโรปมีมากขึ้น จึงมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมการลงทนหุ้นยุโรปได้

“ความเสี่ยงทางการเมืองของยุโรปลดลง ขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลขภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและตัวเลขว่างงานลดลงเรื่อยๆ แม้จะไม่ลดได้มากเหมือนสหรัฐ แต่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้น”นายนาวิน กล่าว

นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนมีการขยายตัวของกำไรที่ดี โดยปีนี้คาดว่าจะเติบโประมาณ 14-15% และแนวโน้มในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจเพิ่งผ่านจุดต่ำสุดและอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ประกอบกับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ (QE) ที่มีต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจยุโรปยังคงเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นายนาวิน กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นยุโรปซื้อขายอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ของหุ้นยุโรปปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 15 เท่า ขณะที่ค่า P/E หุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 18-19 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจเข้าลงทุนเพิ่มขึ้น

ด้านนายวีระ วุฒิคงสิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นยุโรปมีทิศทางที่ดีหลังจากความเสี่ยงทางการเมืองในฝรั่งเศสจบ จึงเชื่อว่านักลงทุนจะเริ่มกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นยังถูกและเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว รวมทั้งหากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะหยุดการทำ QE ช่วงสิ้นปี ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นยุโรปในช่วงครึ่งปีหลังก่อนประกาศจริง

“หากมองประเด็นการเลิก QE อาจเห็นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นยุโรปต่อเนื่อง เหมือนกับสหรัฐที่เลิก QE ก่อนหน้านี้ดึงเงินไหลกลับเข้าสหรัฐค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าบางช่วงราคาหุ้นยุโรปขึ้นมาเร็วและแรงจึงอาจมีการปรับฐาน จึงแนะนำให้ทยอยเข้าลงทุนมากกว่าเข้าลงทุนรอบเดียว”นายวีระ กล่าว

ด้านบลจ.ทหารไทย แนะนำเพียงถือลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรป เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเร็วในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ผลโพลของนายมาครองชนะรอบแรกมาแล้ว จึงมองว่าแม้ราคาหุ้นยุโรปจะมีราคาถูกเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว แต่ยังมีตลาดอื่นที่มีความน่าสนใจมากกว่า เช่น ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ซึ่งนอกจากราคาหุ้นถูกกว่าแล้วยังเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2560 พบว่ามีเงินไหลออกสุทธิในกองทุนหุ้นยุโรป 3,795 ล้านบาท เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ อย่างจีน ญี่ปุ่น เอเชีย แปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนฉวยจังหวะขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงจากหลายปัจจัยในไตรมาส 2 เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับผลตอบของกองทุนหุ้นยุโรป ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2560 พบว่า 3 เดือนแรกให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.57% ย้อนหลัง 1 ปี ผลตอบแทน 10.90% และ 3 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 3.44% ต่อปี และย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 5.69% ต่อปี เมื่อเทียบกองทุนหุ้นสหรัฐ ผลตอบแทน 3 เดือนอยู่ที่ 3.77% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 13.82% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 8.69% ต่อปีและย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 8.14% ต่อปี เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,260 วันที่ 11 - 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560