“ซีไอเอ็มบี ไทย”กางโรดแมพ 5 ปีก้าวขึ้นธนาคารขนาดกลางระดับแถวหน้า

09 พ.ค. 2560 | 04:20 น.
นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นำทีมคณะผู้บริหารธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย แถลงเป้าหมายจะพาธนาคารเติบโตก้าวขึ้นเป็นธนาคารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุดด้านอาเซียนในประเทศไทย ภายในปี 2565

cimb2 เปิดโรดแมพแห่งการเปลี่ยนผ่าน

นายกิตติพันธ์ กล่าวว่า เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายประการในภาคอุตสาหกรรมธนาคารของไทย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านดิจิทัลคณะผู้บริหารจึงได้กำหนดโรดแมพ 5 ปี  เพื่อนำทางไปสู่แนวปฏิบัติด้านการธนาคารรูปแบบใหม่

“เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในบริบทที่เปลี่ยนไป นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของการทำธุรกิจ ซึ่งพวกเราคณะผู้บริหารต่างมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการจะพาพาธนาคารเติบโตก้าวขึ้นเป็นธนาคารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุดด้านอาเซียนในประเทศไทย” นายกิตติพันธ์ กล่าว

โรดแมพ 5 ปีหลังจากนี้จะแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงที่ 1 (2560-2561) จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเร่งปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นในเวลาอันสั้น โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ กระชับขั้นตอนการทำงาน เร่งสร้างการเติบโตของรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินกองทุนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดีที่สุด

ช่วงที่ 2 (2562-2563) เป็นช่วงเวลาแห่งการเพิ่มขีดความสามารถและเร่งเครื่องยนต์ ธนาคารจะแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากธุรกิจหลัก อันได้แก่ ธุรกิจลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้ง และดิจิทัลแบงก์กิ้ง

“เราเห็นโอกาสที่ดีมากในการเติบโตในธุรกิจเหล่านี้ และถ้าเราทำได้ จะช่วยให้เราเติบโตได้ก้าวกระโดดในเวลาอันสั้น”นายกิตติพันธ์ กล่าว

ช่วงที่ 3 (2564-2565) จะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการวิ่งเข้าสู่เป้าหมายในการเป็นธนาคารขนาดกลางระดับแถวหน้าของประเทศไทยที่มีจุดแข็งด้านอาเซียนภายในปี 2565 โครงการเปลี่ยนแปลงการทำงาน(Transformation Roadmap)ประสบความสำเร็จตามแผน  ก้าวเป็นธนาคารที่แข็งแกร่งพร้อมต่อการควบรวมและซื้อกิจการเมื่อมีโอกาสเข้ามา และเป็นธนาคารที่บุคลากรผู้มีความสามารถอยากร่วมงานด้วย

ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เดินยุทธศาสตร์ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านได้ถูกทาง ธนาคารจะใช้ความเชี่ยวชาญของที่ปรึกษาระดับโลกในช่วงที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นในเวลาอันสั้นเพื่อช่วยตรวจสอบความเหมาะสม สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นลูกค้าและพนักงานของเรา

ตั้งเป้ากลับมาทำกำไรในปีนี้

นายกิตติพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนยุทธศาสตร์ปี 2560 ว่า  ตั้งเป้าหมายกลับมาทำกำไรในปีนี้ โดยจะเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อส่วน ผู้ถือหุ้น(ROE) เป็นมากกว่า 6% สินเชื่อ เติบโต 5-10% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM) เพิ่มเป็น 3.8%

อย่างไรก็ดี มีจุดหลักๆที่ต้องปรับปรุง คือ การบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ ความสามารถในการทำกำไร และการใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนให้มีประสิทธิภาพ 3 ข้อนี้ นับเป็นหัวใจหลักของการบริหารในปีนี้ เรามีมุมมองเป็นบวกในธุรกิจลูกค้ารายย่อย ธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่ ธุรกิจบริหารเงิน (Treasury) ขณะเดียวกัน มีความพร้อมรุกธุรกิจลูกค้า SMEs หลังได้ปรับโครงสร้างภายในเรียบร้อยเมื่อปีที่ผ่านมา สำหรับยุทธศาตร์หลัก คือ การเดินหน้าลงทุนในโอกาสใหม่ๆที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต เช่น ดิจิทัลแบงก์กิ้ง และการชะลอธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับ 5Cs –Customer, Culture, Compliance, Cost และ Capital