ท๊อปลั่น! ไม่ขาย+เซ้งพรรคเตี่ย มีชัยชี้หากเกิดจริง เอาผิดเด็ดขาด!

08 พ.ค. 2560 | 10:05 น.
วันที่ 8 พ.ค.60-นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงข่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีนโยบายขายพรรคให้กับกลุ่มทุน, บริษัท หรือ พรรคการเมืองกลุ่มใด ตามที่มีกระแสข่าวว่ามีการทาบทามจากกลุ่มการเมือง และนายทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากต้องการรักษาเจตนารมณ์และอุดมการณ์ทางการเมืองของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตแกนนำพรรคที่เสียชีวิตไปแล้ว

 
แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงข่าวว่า จากการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้ใหญ่ของพรรคชาติไทยพัฒนา อาทิ นายนิกร จำนง , นายประภัตร โพธสุธน ยืนยันว่ากลุ่มแกนนำอาวุโสของพรรคดังกล่าว จะไม่หนีหรือย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใดในขณะนี้ และต้องการจะสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ส่วนจะเปลี่ยนแปลงหรือปรับหรือตัดสินใจอย่างไรนั้น ต้องรอให้มีการประชุมพรรคก่อน แต่หากจะมีการตัดสินใจอย่างไรนั้น ต้องถูกรับรองด้วยมติของที่ประชุมพรรค ซึ่งตนมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องทุนสนับสนุนพรรคนั้นไม่มีปัญหา เพราะเพราะเมื่อกติกาการเมืองเปิดโอกาสพรรคสามารถจัดงานระดมทุนหรือทำกิจกรรมเข้าพรรคได้

 
แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงข่าวว่า ส่วนประเด็นการร่วมเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับพรรคการเมืองอื่นนั้น พรรคไม่ได้ปิดทาง แต่ต้องเป็นภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้วเสร็จ เพราะยอมรับว่าการร่วมกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาลในฐานะรัฐบาลผสม หรือเป็นพันธมิตรทางการเมืองนั้นเป็นปกติทางการเมือง แต่การเป็นพันธมิตรร่วมกันนั้นไม่ใช่การเซ้งพรรคชาติไทยพัฒนา

 
เมื่อถามว่า กระแสข่าวขายพรรคนั้นเกิดขึ้นหลังจากมีการชูธงให้นายวราวุธเป็นหัวหน้าพรรค มองหรือไม่ว่าเป็นเพราะคนในพรรคขาดความมั่นใจ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่มีความอยากที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา แม้ผู้ใหญ่ในพรรคจะให้การสนับสนุน ดังนั้นแม้ตนจะไม่มีตำแหน่งใด ตนยังพร้อมทุ่มเทการทำงานให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาฐานะสมาชิก หรือคนสุพรรณบุรี แต่หากตนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งตนพร้อมที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

 
เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวต่อการส่งบุคคลเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง นายวราวุธ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารืออย่างเป็นทางการ แต่มีวงพูดคุยในเชิงหยอกล้อระหว่างสมาชิกพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่าชวนไปสังกัดพรรคต่าง ๆ แต่ยังหาสาระในวงพูดคุยดังกล่าวไม่ได้ อย่างไรก็ตามในประเด็นดังกล่าวนั้น ตนมองว่าสิ่งที่ความแน่นอนอาจจะเป็นความไม่แน่นอน

 
"หากเทียบกับเกมฟุตบอลนั้นจะมีความเปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอนอยู่เสมอ ซึ่งในเกมกีฬา ผมในฐานะประธานสโมสรสุพรรณบุรี เอฟซีต้องฝากความหวังไว้กับนักเตะทั้ง 11 คนในสนาม เพราะผมเล่นฟุตบอลไม่เป็น แต่หากเป็นเกมการเมือง สามารถไว้ใจผมได้"แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาระบุ

 

 

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการซื้อขายพรรคการเมือง ว่า ประเด็นดังกล่าวต้องตรวจสอบว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ หากพบว่าเป็นข้อเท็จจริงอาจเข้าข่ายที่กระทำผิดกฎหมาย โดยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ฉบับที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อยู่ระหว่างพิจารณามีบทบัญญัติให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นความผิด

 
นายมีชัยกล่าวว่า การตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดขึ้นนั้น ต้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันตรวจสอบ เพราะแม้ว่ากฎหมายจะระบุว่าเป็นข้อห้ามกระทำ แต่เมื่อมีการฝ่าฝืนต้องร่วมกันตรวจสอบ อย่างไรก็ตามมาตรฐานการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องทุนทางการเมืองนั้นมีข้อกำหนดไว้ชัดเจนว่า หากผู้ใดที่รับเงินบริจาค จำนว 5,000 บาท ขึ้นไปต้องเปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์เพื่อแจ้งต่อสาธารณะ และห้ามรับเงินบริจาคที่มากจนเกินไปด้วย ส่วนกรณีที่อาจเกิดขึ้น เช่น มีการให้เงินทองผ่านตัวบุคคลนั้น ตามกติกามีข้อห้ามผู้ใดเรียกรับเงินเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง เช่น แลกกับตำแหน่ง เป็นต้น หากตรวจสอบพบจะถือว่าเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทันที

 

 

นายมีชัยกล่าวว่า ประเด็นที่จะมีการซื้อขายพรรคตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดก่อนจะมีมาตรการทางกฎหมายบังคับใช้ เมื่อพบข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือว่าพรรคการเมืองนั้นไม่ควรได้รับการไว้วางใจต่อการบริหารประเทศตั้งแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีกฎหมายหลายฉบับที่ระบุไว้เป็นข้อห้าม เช่น ห้ามฆ่าคน ห้ามลักทรัพย์ แม้จะห้ามแต่ยังมีคนที่กระทำ ดังนั้นเมื่อก่อนที่การกระทำจะเกิดขึ้นคงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นความคิดที่อยู่ในใจ แต่เมื่อเกิดการกระทำตามที่ห้ามแล้วจำเป็นต้องตรวจสอบตามกฎหมาย

 
นายมีชัย ชี้แจงด้วยว่าสำหรับกติกาใหม่ว่าด้วยพรรคการเมืองที่กรธ.บัญญัติ คือ การรวมตัวของพรรคการเมืองสามารถทำได้ 2 กรณี คือ พรรคการเมืองรวมตัวกันเพื่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือ พรรคใดพรรคหนึ่งยุบพรรคที่มี เพื่อร่วมกับพรรคการเมืองหลัก ซึ่งการกระทำดังกล่าวสามารถทำได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง หรือสภา แต่หากมีการเลือกตั้งแล้วเสร็จ และมี ส.ส. จะไม่สามารถรวมพรรคได้