บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์4 ไมเนอร์เชนจ์กระตุ้นเลือดลมด้วยความเฉียบคมเนียนแน่น

07 พ.ค. 2560 | 11:00 น.
ต่อเนื่องจาก “ซีรีส์5โฉมใหม่” การไปเยือนเยอรมนีครั้งนี้ผมมีโอกาสได้ลอง “ซีรีส์4ไมเนอร์เชนจ์” หรือบีเอ็มดับเบิลยูจะเรียกการปรับรูปลักษณ์/ออพชันระหว่างกลางอายุโมเดลว่า LCI-Life Cycle Impulse ประมาณกระตุ้นเลือดลมให้สูบฉีด กระตุกต่อมความต้องการให้ควักเงินออกมาจากกระเป๋า ว่ากันอย่างนั้น

MP37-3259-2 สำหรับ “ซีรีส์4” เป็นโมเดลที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับ “ซีรีส์3”(F30)ถ้าตัวถังคูเป้จะเรียกรหัสF32 หวังท้าชนเต็มๆกับพวก “ซี-คลาส คูเป้” และ“ออดี้ เอ5” ส่วนความเท่แบบเปิดประทุนคอนเวอร์ติเบิลเป็นรหัส F33 และแกรนด์ คูเป้ 4 ประตูเรียกF36

ตลาดหลักของซีรีส์ 4 อยู่ที่สหรัฐอเมริกา อังกฤษและเยอรมนี ขณะที่ตัวถังแกรนด์คูเป้ขายดีสุดใน 3 ตัวถัง หรือครองสัดส่วน 54%คูเป้ 25% และคอนเวอร์ติเบิล 21% (ไม่รวมตัวแรง M4)และหากแยกย่อยประเภทเครื่องยนต์ลงไปในแต่ละตัวถังจะทำให้ “ซีรีส์4” มีรุ่นย่อยรวมถึง 31 รุ่น

MP37-3259-4 โดยรุ่นไมเนอร์เชนจ์เปิดตัวในตลาดโลกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่วนเมืองไทยรอลุ้นการนำเข้ามาทำตลาดอย่างเร็วอาจจะเป็นช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

ในส่วนการเปลี่ยนแปลง บีเอ็มดับเบิลยูออกแบบกันชนและรายละเอียดในโคมไฟทั้งด้านหน้าและหลังใหม่ เช่นเดียวกับลายล้ออัลลอย

MP37-3259-3 ภายในเปลี่ยนรูปแบบของพวงมาลัย หน้าจอแสดงผล (ความเร็ว-รอบเครื่องยนต์) เป็นดิจิตอลและวัสดุที่แต้มแต่งบนแผงแดชบอร์ดอีกเล็กน้อย แต่ประเด็นที่สำคัญคือการปรับช่วงล่างในตัวถังคูเป้ และแกรนด์คูเป้ ซึ่งทีมพัฒนาบอกว่ารุ่นไมเนอร์เชนจ์จะหนึบแน่นกว่าเดิม

ผมได้ลองซีรีส์ 4 ในโอกาสเยือนแคว้นบาวาเรีย2 รุ่นคือ 430i คอนเวอร์ติเบิล และ 440i คูเป้ ซึ่งในรุ่นหลังผมรับรู้ว่าช่วงล่างหนึบแน่นแข็งจริงตามที่วิศวกรบีเอ็มดับเบิลยูกล่าวโดยโครงสร้างด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลจอยต์ สปริงสตรัต ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5 จุดยึด ประกบล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง225/50 R17 ใครชอบแนวสปอร์ตดุดันมาทางนี้เลยครับ

MP37-3259-6 ขณะเดียวกันพวงมาลัยยังตอบสนองการควบคุมได้เฉียบคม พร้อมตัวรถตํ่าเตี้ยเหมือนถูกกดและมีจุดศูนย์ถ่วงตํ่าตามโครงสร้างขับช่วงถนนแคบๆยังหักเลี้ยวได้แม่นยำ ขับทางตรงความเร็วสูงรู้สึกถึงแรงสะท้านจากพื้นถนนเข้ามาสู่เบาะนั่งเพียงเล็กน้อย

ขุมพลังเบนซิน 6 สูบ3.0 ลิตร เทอร์โบ 326 แรงม้าระเบิดพลังได้พลุ่งพล่านอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.แค่5 วินาทีแสดงถึงระดับของสปอร์ตคาร์ชั้นดี เพียงแต่เสียงท่อหรือความโหดรวมๆอาจจะต้องสงวนไว้ให้ M4ได้แสดงศักยภาพบ้าง แต่กระนั้นผมว่า 440i คูเป้สมรรถนะจัดจ้านเกินกว่าความต้องการใช้ในชีวิตจริงอยู่แล้วครับ

MP37-3259-7 ขณะที่รุ่น 430i คอนเวอร์ติเบิล บุคลิกดูนุ่มนวลลงมาในหลายๆด้านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ252 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัต 8 สปีด ยังถ่ายทอดกำ ลังสู่ล้อหลังได้กระฉับกระเฉง ส่วนจังหวะการเข้า-ออกโค้ง และการถ่ายเทนํ้าหนักมั่นคงเฉียบคมไม่ต่างจากรุ่นแรก (430i คอนเวอร์ติเบิลนํ้าหนักตัวมากกว่าประมาณ 170 กก.)ด้วยการเป็นรถเปิดประทุนหลังคาแข็งกางออก-พับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า (RHTRetractable Hard Top)บีเอ็มดับเบิลยูสร้างมาตรฐานทางโครงสร้างวิศวกรรมได้น่าประทับใจ พร้อมเก็บงานช่องว่าง-รอยต่อของหลังคากับตัวถัง ตลอดจนจัดการเสียงรบกวนที่จะเข้ามาภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี

สำหรับเส้นทางในการลองขับมีทั้ง ถนนไฮเวย์(ออโตบาห์น) ที่ใช้ความเร็วสูงได้ และการตัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆถนนขรุขระตามสไตล์ยุโรป รวมถึงวิ่งขึ้นเข้าผ่านโค้งแคบปะทะสภาพอากาศหนาวเย็นที่อุดมไปด้วยหิมะ สุดท้ายถึงจุดหมายด้วยระยะทางกว่า 200 กม.หลังลงรถมาแล้วอาจจะมีอาการเมื่อยเนื้อตัวอยู่บ้างแต่ผมว่าแลกกับความกะทัดรัดขับสนุก ถือว่าคุ้มค่า

[caption id="attachment_146732" align="aligncenter" width="503"] บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์4 ไมเนอร์เชนจ์กระตุ้นเลือดลมด้วยความเฉียบคมเนียนแน่น บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์4 ไมเนอร์เชนจ์กระตุ้นเลือดลมด้วยความเฉียบคมเนียนแน่น[/caption]

ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน บีเอ็มดับเบิลยูเคลมในรุ่น 440i คูเป้ไว้เฉลี่ย 6.6ลิตรต่อ 100 กม. (15 กม./ลิตร) ส่วน430i คอนเวอร์ติเบิล 5.9 ลิตรต่อ 100ก ม.(16.9 กม./ลิตร)

รวบรัดตัดความ… ในเมืองไทย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปยังทำตลาดกับรุ่น 420d เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0ลิตร 190แรงม้าเป็นหลัก แต่หลังจากการไมเนอร์เชนจ์เราอาจจะได้เห็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมาเสริมทัพก็เป็นได้สนนราคา 3 ล้านบาทปลายๆ ถึงกว่า 4 ล้านบาท(แล้วแต่ตัวถัง) ถือเป็นรสนิยมเหนือระดับ บนสมรรถนะของช่วงล่างและการควบคุมที่ปรับใหม่ให้สปอร์ตแตกต่างจากซีรีส์ 3 อย่างชัดเจน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,259 วันที่ 7 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560