สื่อไม่มีอภิสิทธิ์เหนืออาชีพอื่น เเต่สิ่งที่เเตกต่างคือ ”เสรีภาพ”

30 เม.ย. 2560 | 06:49 น.
วันที่ 30 เม.ย.60-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ www. change.org ได้รณรงค์แคมเปญ ยุติการพิจารณาออกกฎหมายตีทะเบียนสื่อ ครอบงำประชาชน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมลงชื่อแล้ว 400 กว่าคน

 

เว็บไซต์ดังกล่าว ยังได้มีการนำเสนอของความของนายมานิจ สุขสมจิตร นักหนังสือพิมพ์อาวุโส และประธานมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “สื่อไม่ได้ถือว่ามีอภิสิทธ์หรือมีสถานภาพที่สูงกว่าอาชีพอื่น” โดยระบุว่า ขอเรียนให้ประชาชนและสปท.ได้ทราบด้วยว่าสื่อไม่ได้ถือว่ามีอภิสิทธิ์หรือมีสถานภาพที่สูงกว่าอาชีพอื่น แต่สื่อมีอาชีพที่แตกต่างจากอาชีพอื่นตรงที่อาชีพสื่อที่มีเสรีภาพที่ปัจจัยสำคัญของความเป็นประชาธิปไตยของแต่ละประเทศ คนทุกคนสามารถเข้ามาเป็นสื่อได้ถ้ามีความสามารถและมีจริยธรรมกำกับฉะนั้นประเทศที่เจริญแล้วเขาจึงไม่ต้องตีตรา เพราะการตีตราหรือเพิกถอนจะต้องใช้อำนาจรัฐ ถ้ารัฐบาลไม่ชอบใครก็ให้งดใช้ใบอนุญาตประกอบอาชีพได้
“การให้ปลัดกระทรวงเข้ามาเป็นกรรมการนั้นทำราวกับว่าปลัดกระทรวงเป็นเทวดาสามารถแปลงกายไปประชุมที่นั่นที่นี่ได้สารพัดเพราะกรรมการเยอะจนจำไม่ได้ผลสุดท้ายก็ส่งลูกน้องปลายแถวไปประชุมตามใบสั่งของนักการเมืองที่ตั้งปลัดกระทรวงถามว่าปลัดกระทรวงแต่ละแห่งนั้นว่างงานมากนักหรือ อีกประการหนึ่งการให้เสรีภาพสื่อก็เพื่อจะได้แสวงหาข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านไม่ใช่ฟังจากรัฐบาลเท่านั้นเมื่อมีข้อมูลมากประชาชนก็ใช้ข้อมูลที่มากนั้นมาประกอบการตัดสินใจได้ถูกต้องมากกว่ามีข้อมูลด้านเดียว พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน สปท. ให้สัมภาษณ์ว่าที่ควบคุมสื่อก็เพื่อไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์จนรัฐขาดเสถียรภาพ คำถามมีว่าถ้าเป็นรัฐบาลทรราชแล้วเราจะปล่อยเอาไว้เคารพบูชากราบไหว้เพื่อให้มีเสถียรภาพจนตายอย่างนั้นหรือ ขอโทษที่เขียนยาว ยังมีอีก วันนี้เอาแค่นี้ก็รบกวนคนอ่านมากแล้วครับ ขอแถมอีกนิดครับ นักการเมืองแยกไม่ออกระหว่างข่าวกับความเห็นแล้วมาโจมตีว่าเขียนข่าวโดยไม่มีความรับผิดชอบซึ่งมันคนละเรื่องครับ” นายมานิจ ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการแชร์ กราฟฟิกร่างพรบ.คุมสื่อ โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์เเห่งประเทศไทย

333810