ปี62อิงฐานภาษีกู้แบงก์ คลังโหมร้านค้าติดตั้งอีดีซี-ใช้บัญชีเดียว

01 พ.ค. 2560 | 03:00 น.
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ยุทธศาสตร์ชาติกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงิน” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา

“ในปี 2562 ทุกแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อจะต้องใช้บัญชีที่ส่งสรรพากรเท่านั้น”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ระบุว่า หลังจากรัฐบาลนี้เข้ามาสานต่อแนวคิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินซึ่งเป็นทางด่วนให้เกิดขึ้นในระบบการชำระเงินเพื่อตอบโจทย์ให้ประเทศไทยมีประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น

รัฐบาลได้ดำเนินพร้อมกันใน 5โครงการย่อยเพื่อการไปสู่เป้าหมายของภาครัฐช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้เงินสด ลดปัญหาคอรัปชันและการจัดเก็บภาษีไม่รั่วไหล รวมถึงลดปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินของภาคประชาชน ส่วนภาคธุรกิจจะมีความสะดวกขึ้นจากกรมสรรพากรจะเปลี่ยนรูปแบบการชำระภาษีเป็นอิเล็คทรอนิกส์ และมีการพูดถึงโอกาสที่จะรวมบัญชีภาษีของแต่ละบุคคลแต่ละบริษัทเป็นบัญชีเดียว

โครงการแรกภายใต้ชื่อ “พร้อมเพย์”เป็นบัญชีรับเงินที่ผูกบัญชีธนาคารกับหมายเลขบัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เป็นเจ้าภาพได้เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่ง มีประชาชนทยอยลงทะเบียน ส่วนหนึ่งทยอยใช้บริการแล้ว ขั้นต่อไปต้องมีกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิกส์ซึ่งคาดว่าธนาคารจะออกบัตรกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิกส์ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า

โครงการที่ 2 การติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็คทรอนิกส์(อีดีซี) โดยขณะนี้2ราย คือกิจการการค้าร่วมโครงการอีเพย์เมนต์ กับ Taps ที่ดำเนินการติดตั้งแก่หน่วยงานภาครัฐ ร้านค้าและบริษัทเอกชนและเพื่อจูงใจให้ปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นจึงจัดรางวัลสำหรับร้านค้าที่ติดตั้งอีดีซีแล้วชักชวนลูกค้ามารูดบัตรซึ่งร้านค้ามีโอกาสได้รับรางวัลสูงถึง 1ล้านบาทและคนรูดก็จะได้รางวัลด้วยจึงเชิญชวนให้ร้านค้าติดตั้งเครื่องร่วมลุ้นรางวัล 12 ครั้งใน 1ปี

“แต่เท่าที่ฟังมาจาก 2 รายที่ไปให้บริการร้านค้าติดตั้งอีดีซี เขาบอกว่าไม่อยากติดตั้ง เพราะสรรพากรจะรู้แต่ละรายการ ซึ่งหากจำกันได้รัฐบาลนี้เข้ามาใหม่ๆเราก็เสนอให้มีบัญชีเดียวโดยทางกรมสรรพากรเองก็จะไม่ตรวจสอบในช่วง 1-2 ปีเพื่อให้ทุกคนปรับตัว สิ่งสำคัญในปี 2562 ทุกแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อจะต้องใช้บัญชีที่ส่งกรมสรรพากรพิจารณาอนุมัติ ถึงวันนั้นจะเดินเครดิตกับแบงก์ได้อย่างไรขณะที่แบงก์พยายามส่งเสริมลูกค้าเป็นโอกาสสามารถปรับตัวทำบัญชีให้ตรงตั้งแต่วันนี้ เราวางแผนไว้หมดแล้ว คนที่ไม่ติดวันนี้ต่อไปจะให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจ อย่าคิดว่าจะหลบเลี่ยงและขอให้ช่วยกันลดคอรัปชั่น”

สิ่งที่ทำเพิ่มเติมในโครงการ 2 คือต้องติดตั้งเครื่องให้ภาครัฐที่ต่อไปภาครัฐจะใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์และมีการพูดถึงเบี้ยปรับต่างๆ จะให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ค่าปรับจราจร

โครงการ 3 เป็นความตั้งใจของกรมสรรพากรจัดทำระบบอิเลคทรอนิกสทั้งหมดในการรับและออกใบกำกับภาษี ซึ่งเป็นกติกาธนาคารโลกเรื่องความยากง่ายของการทำธุรกิจด้านการชำระภาษี( Ease of Doing Business)

โครงการ 4 การรับ-จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ของภาครัฐโดยฝั่งรับและจ่ายภายในไตรมาส 3 ของปีนี้

“ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราทำเป็นการเตรียมตัวรองรับฟินเทคซึ่งเพิ่งมีการพูดภายหลังจากเราพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงิน ซึ่งเหล่านี้จะเห็นผลในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนความฝันที่จะไปสู่Cashless Society เราทำได้เพราะบูรณาการและพยายามผลักดันโครงการนี้ซึ่งเป็นการปฎิรูประบบการชำระเงินของไทยและเชื่อมไปCLMV”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,257
วันที่ 30 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560