วิกฤตินิสสันไทย เมื่อ‘คาร์ลอส กอส์น’ไม่ปลื้ม

30 เม.ย. 2560 | 05:00 น.
เมื่อเซเลบคนดังในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก “คาร์ลอส กอส์น” เดินทางเยือนเมืองไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในฐานะนายใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรเรโนลต์ นิสสัน มิตซูบิชิ ถือเป็นการตอกหมุดนโยบายผสานความร่วมมือระหว่างบริษัทในเครือ บนการผลักดันประโยชน์จากฐานการผลิตในอาเซียน ซึ่งมีนิสสันและมิตซูบิชิ เป็นหัวแรงใหญ่

แน่นอนว่าไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคนี้ หากวัดกันที่จุดยุทธศาสตร์ ประสิทธิภาพของการผลิต และการพัฒนาในเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นิสสันและมิตซูบิชิใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อส่งออกและรองรับตลาดในประเทศ ด้วยกำลังการผลิตรวมกันเกือบ 8 แสนคันต่อปี(ปัจจุบันทั้ง 2 แบรนด์นี้ยังใช้กำลังผลิตไม่เต็มที่)
ในปีที่แล้วมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่นเพิ่งถูกเทคโอเวอร์ให้เข้ามาอยู่ในกลุ่มโนลต์-นิสสัน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มยานยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยยอดขายรวมเกือบ 10 ล้านคันต่อปี

รายงานจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ระบุว่า การร่วมมือนี้จะใช้แนวทางปฎิบัติที่ดีที่สุดในการควบคุมค่าใช้จ่าย การจัดหาชิ้นส่วน และการผลิต การจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการใช้ประโยชน์ในโรงงานและเทคโนโลยีร่วมกัน หรือใช้งบการวิจัยและพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆด้วยเงินลงทุนเพียงก้อนเดียว แต่ทุกแบรนด์สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้

คาร์ลอส กอส์น ยังมีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ตามหน้าที่ความรับผิดชอบใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พร้อมโปรยยาหอมว่า โรงงานแห่งนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์สคอร์ปอเรชั่น ด้วยเครื่องมือการผลิตที่มีคุณภาพสูง พร้อมกำลังการผลิตเต็มที่ 424,000 คันต่อปี(ปีงบประมาณที่ผ่านมาผลิตจริง 356,000 คัน) และในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย โรงงานดังกล่าวจึงเป็นฐานการผลิตระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส

....คาร์ลอส กอส์น ถึงกับอึ้งชื่นชมกับศักยภาพการผลิตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ลงหลักปักฐานในประเทศไทยมานาน ขณะเดียวกันการลงทุนเปิดโรงงานใหม่ที่อินโดนีเซีย ด้วยกำลังการผลิตอีก 160,000 คันต่อปี ยิ่งช่วยสร้างพลังความเข้มแข็งให้กับมิตซูบิชิในอาเซียนเพิ่มขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนนิสสันที่จะว่าไป “คาร์ลอส กอส์น” เป็นผู้พลิกฟื้นให้แบรนด์นี้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็นและสามารถผงาดในตลาดโลกเทียบเคียงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆได้ แต่เมื่อเห็นตัวเลขผลประกอบการ และส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยแล้ว นายใหญ่ชาวบราซิลไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก โดยแสดงออกผ่านคำตอบในการสัมภาษณ์

“นิสสันในประเทศไทย ยังทำได้ไม่ดีพอเมื่อเทียบกับศักยภาพของนิสสันในประเทศอื่นๆทั่วโลก หากเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันในตลาดอื่นๆ นิสสันมีส่วนแบ่งการตลาดใกล้เคียงกัน แต่สำหรับประเทศไทยในปีที่ผ่านมาทำยอดขายได้เพียง 4.25 หมื่นคัน ตามหลังโตโยต้า อีซูซุ ฮอนด้า มาสด้า และมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุง”

“ในส่วนการลงทุนใหม่ ยังไม่เห็นในระยะเวลาอันใกล้ เพราะตอนนี้จะใช้ประสิทธิภาพการผลิตเดิมที่มีอยู่ให้เต็มที่ก่อน” นายกอส์น กล่าว

จากคำพูดของ คาร์ลอส กอส์น สอดคล้องกับ “อันตวน บาร์เตส”กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ชาวฝรั่งเศสที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ปลายปีที่แล้ว ประกาศชัดเจนว่าจะเป็นผู้เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของนิสสัน เพราะยอดขายที่ผ่านมาตกลงไปมาก

...นี่อาจจะเป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมาย หรือเป็นสัญญาณในทางลับ หากนิสสัน ประเทศไทย เลือกใช้ประธานใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศสแทนที่นายญี่ปุ่น หากต้องการผ่าตัดธุรกิจครั้งใหญ่

“เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของนิสสันในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถชดเชยกับช่วงที่ขาดหายไปได้ คงต้องทำงานหนักกันต่อไป ขณะที่การเข้ามาของโน๊ต ใหม่ จะสร้างความแข็งแกร่งให้นิสสัน และช่วยให้กลับมามีส่วนแบ่งในตลาดรวมปีนี้ถึง 7%”

นั่นเป็นเป้าหมายทางด้านตัวเลขของ“อันตวน บาร์เตส”ที่เคยประกาศในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทว่าเป้าหมายในในเชิงโครงสร้าง บุคลากร คงต้องมีการเขย่าครั้งใหญ่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

...พลังจาก “คาร์ลอส กอส์น” สู่ “อันตวน บาร์เตส” จะกระเพื่อมแรกขนาดไหนกับ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เร็วๆนี้คงได้รู้กัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,257
วันที่ 30 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560