รัฐผนึกเอกชนดันเต็มสูบไทยฮับการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ

28 เม.ย. 2560 | 03:50 น.
รัฐ-เอกชนร่วมผลักดันไทยเป็นฮับการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เผยปี 59 ไทยขยับขึ้นเป็นหนึ่งในสิบของประเทศผู้ส่งออกอัญมณีโลก

นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก (Thailand as The World’s Gems & Jewelry Trading Hub) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเชิญภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 20 หน่วยงานมาหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดมาตรการสนับสนุนการ เป็นศูนย์กลางดังกล่าว พร้อมชูจุดแข็งของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยด้านการเป็นแหล่งการผลิตชั้นยอด ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก เป็นการต่อยอดจากมติคณะรัฐมนตรี   เรื่อง Jewelry Hub เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 ซึ่งครม. ได้เห็นชอบการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำเร็จรูปของกระทรวงการคลัง ให้ครอบคลุมในทุกมิติมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยในตลาดโลก รวมถึงการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และส่งเสริมการส่งออก

นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึง “แผนงานสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก” ว่าแผนงานประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การปลดล็อค ภาษีและกฎระเบียบ 2) การพัฒนา ผู้ประกอบการ สินค้า/วัตถุดิบ และแรงงาน และ  3) การส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในภาพรวม ทั้งด้านตลาดในประเทศและต่างประเทศ ในแบบออนไลน์และออฟไลน์ ยกระดับการจัดงานแสดงสินค้า Bangkok Gems & Jewelry Fair ประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมโดยใช้กลยุทธ์การกำหนดตำแหน่งทางการตลาด

หน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมหารือได้รับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นับได้ว่าเป็นการบูรณาการ การทำงานอย่างแท้จริงจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยในตลาดโลก กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบที่ยังมีความซับซ้อนในทางปฏิบัติ อาทิ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มวัตถุดิบอัญมณีและโลหะมีค่า การหักรายจ่ายสองเท่าของรายจ่ายประเภทเงินเดือน/ค่าจ้างแรงงาน รวมถึงศึกษาการจัดทำระบบภาษีที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยทำให้ภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้อย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก่อให้เกิดรายได้แก่ภาครัฐเพิ่มขึ้น

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประสานหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และภาคเอกชน  เพื่อกำหนดมาตรการพัฒนาผู้ประกอบการอย่างครบวงจร จัดทำเทรนด์สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ผลักดัน   ให้เกิดการจัดประชุมและสัมมนานานาชาติด้านอัญมณีในไทย อาทิ งาน World Jewelry Confederation 2017 ในเดือนพฤศจิกายน 2560 ตลอดจนปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา/การฝึกอบรมเฉพาะทาง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับไปดำเนินการเรื่องการประชาสัมพันธ์สินค้าและย่านการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ตลอดจนจัดทำแผนที่เส้นทาง    อัญมณี เพื่อสร้างการรับรู้และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคทั้งไทยและชาวต่างชาติ

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะเร่งพัฒนาตลาดต่างประเทศสำหรับการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมผู้ประกอบการให้ไปจัดตั้งสำนักงานในตลาดเป้าหมาย (Overseas Offices) รวมทั้งผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก  (Co-Branding) เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคระดับสูง ตลอดจนยกระดับงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ให้เป็นหนึ่งในสามของงานอัญมณีระดับโลก

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตชั้นยอดที่ครบวงจรแล้ว ยังมีปัจจัยสนับสนุนในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับของไทยอีกหลายประการ ได้แก่ ไทยเป็นหนึ่งในสิบของประเทศผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของโลก (ปรับขึ้นจากอันดับที่สิบสามในปี 2557) การมีงานแสดงสินค้า Bangkok Gems & Jewelry Fair ซึ่งเวทีการค้าระดับโลก การยกเว้นอากรอัญมณีและเครื่องประดับรวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มวัตถุดิบ แรงงานของไทยมีฝีมือประณีตโดดเด่นด้านเจียระไน การมีนิคมอัญธานี (Gemopolis) เป็นเขตประกอบการเสรี การมีสถาบัน GIT ทำหน้าที่วิเคราะห์ ตรวจสอบ รับรองมาตรฐานสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ ตลอดจนการที่องค์กรผู้จัดการประชุมระดับโลกมาจัดการประชุมนานาชาติที่สำคัญในประเทศไทย อาทิ งาน World Jewelry Confederation 2017 และงาน ICA Congress

อนึ่ง ปี 2559 ไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) มูลค่าประมาณ 6,970 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 5 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.24 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยมีตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐฯ เยอรมนี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เบลเยี่ยม อินเดีย และสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีสัดส่วนรวมกันคิดเป็นร้อยละ 73

ในขณะที่ 3 เดือนแรกของปี 2560 (มกราคม – มีนาคม) ไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) มูลค่า 2,021.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2559 ร้อยละ 1.98 ตลาดส่งออก 5 อันดับแรกได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม โดยมีสัดส่วนรวมกัน    คิดเป็นร้อยละ 66.18