บลจ.ธนชาตกางแผน 3 ปี ชูจุดแข็ง‘กองทุนตราสารหนี้’ดึงลูกค้า

01 พ.ค. 2560 | 05:00 น.
หลังจากธนาคารธนชาต ตั้งเป้าเป็น “ธนาคารหลักในการทำธุรกรรม (เมนแบงก์)” ของลูกค้า ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทลูกทำธุรกิจด้านบริหารจัดการลงทุนต้องทำงานในเชิงรุกมากขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จึงเห็น “เงินไหลเข้า” ลงทุนในกองทุนรวมของบลจ.ธนชาต ในช่วงไตรมาสแรกกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท สูงเป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม

“บุญชัย เกียรติธนาวิทย์” กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางการทำธุรกิจ ว่า บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ใน 3 ปีข้างหน้าไว้ที่ 3.4 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 1.89 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม 1.60 แสนล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล 1.51 หมื่นบาทและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 1.40 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจกองทุนรวมยังคงเป็นธุรกิจหลัก ส่วนปีนี้จะเติบโตค่อนข้างมากโดยตั้งเป้า AUM เพิ่มขึ้น 3.5 หมื่นล้านบาท แตะ 2.45 แสนล้านบาท หรือเติบโต 30% จากสิ้นปี 2559

สำหรับการทำงานในช่วงที่ผ่านมาได้เข้าไปสนับสนุนด้านกองทุนรวมที่ตอบโจทย์ลูกค้าธนาคารและเข้าไปอบรมพนักงานสาขาของธนาคารให้มีความรู้ความเข้าใจด้านตลาดเงินตลาดทุนสามารถจัดพอรต์โฟลิโอ อะโลเคชั่นที่บริษัทฯ จัดทำขึ้นเพื่อไปแนะนำให้ลูกค้าผ่านสาขาธนาคารกว่า 500 แห่ง ซี่งปัจจุบันพนักงานธนาคารผ่านการอบรมไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่งและยังเดินหน้าให้ครบ

 เน้นตราสารหนี้-หุ้นเสี่ยงต่ำ
เมื่อเริ่มปฏิบัติการในเชิงรุกจึงมีเงินไหลเข้าลงทุน “เทอมฟันด์” กว่า 4.90 หมื่นล้านบาทในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้กำหนดอายุลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เป็นการลงทุนเท่ากับการฝากเงินประจำ 3 เดือน 6 เดือน ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก แม้ช่วงที่ผ่านมามีปัญหาตั๋วบี/อีผิดนัดชำระในบางบลจ.และตราสารหนี้ต่างประเทศเริ่มหาตราสารลงทุนยาก แต่บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเน้นตราสารหนี้ที่เป็นอินเวสเม้นท์ เกรด หากต่ำกว่านั้นจะขายเฉพาะกลุ่ม AI ที่ไม่ใช่รายย่อย โดยพิจารณาความเสี่ยงตราสารร่วมกับธนาคารและปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ส่วนกองทุนหุ้นเน้นลงทุนแบบคอนเซอร์เวทีฟ ซึ่งไตรมาสแรกออกกองทุนเน้นหุ้นปันผล 2 กองทุน มียอดขายกว่า 4 พันล้านบาท ต่อเนื่องจากปีก่อนออกกองทุนหุ้น Prime Low เน้นหุ้นผันผวนน้อยกว่าตลาด กองทุนเปิดธนชาต Low Beta ที่เน้นหุ้นผันผวนต่ำซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าเงินฝากได้ ส่วนกองทุนที่เสี่ยงกว่านี้จะนำเสนอลูกค้าที่มีความเข้าใจผ่านบางสาขา

[caption id="attachment_144482" align="aligncenter" width="503"] บลจ.ธนชาตกางแผน3ปี ชูจุดแข็ง‘กองทุนตราสารหนี้’ดึงลูกค้า บลจ.ธนชาตกางแผน3ปี ชูจุดแข็ง‘กองทุนตราสารหนี้’ดึงลูกค้า[/caption]

 ซุ่มศึกษาออกกอง Robot
สำหรับแผนการออกกองทุนใหม่รอให้สถานการณ์ในต่างประเทศชัดเจน บริษัทฯ จึงศึกษาข้อมูลกองทุน Robot Fund เน้นลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิ้นส่วนในการประกอบหุ่นยนต์ เนื่องจากมองแนวโน้มการเติบโตดีในระยะยาว ซึ่งโลกกำลังมุ่งไปที่ทำให้เร็ว ประหยัดเวลา แม่นยำ ลดความผิดพลาด ปัจจุบันจึงนำหุ่นยนต์มาใช้ทางการแพทย์ ผ่าตัด จ่ายยา ใช้ในอุตสาหกรรมนำหุ่นยนต์แทนคน ซึ่งปีที่ผ่านมากองทุนเติบโตสูงถึง 35% แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะอาจมีความเสี่ยงหากมีการห้ามใช้หุ่นยนต์ในบางอุตสาหกรรม

ด้านช่องทางจำหน่ายผ่านธนาคารธนชาต ธนาคารออมสินและล่าสุดต้นปีเซ็นสัญญากับธนาคารกสิกรไทย เป็นตัวแทนขายกองทุนเปิดธนชาต Low Beta และกองทุนเปิดธนชาตเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ให้ลูกค้าธนาคาร และสามารถซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ แอพพลิเคชั่นThanachart Connect ธนาคารธนชาตได้ทุกกองทุน ซึ่งปัจจุบันมียอดซื้อขาย 20-30% จากการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตทั้งหมด

 ดึงมือดีเสริมทีมบริหารกองทุนหุ้น
ด้านผลตอบแทนกองทุนหุ้นของบริษัทฯ ไม่โดดเด่น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจึงปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ยกเลิกตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน (CIO) ที่ตนเองควบกับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการมา 2 ปี โดยดึง “ณัฐรา ลีนะวัต” อดีต CIO ของบลจ.พรีมาเวสท์ และล่าสุดดูด้านไพรเวท อิควิตี้บลจ.แห่งหนึ่ง เข้ามาเสริมทีม ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายตราสารทุน ตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จากปัจจุบันมี “โชติช่วง ธีรขจรโชติ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านมหภาคและมีทีมกองทุนตราสารหนี้ที่มีความโดดเด่นอยู่แล้ว เห็นได้จากรางวัลด้าน “กองทุนตราสารหนี้” ดีเด่นและอีกหลายรางวัล ตลอด 14 ปีที่จัดรางวัลโดยสถาบันจัดอันดับระดับสากลและจากหน่วยงานในประเทศ น่าจะถือเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ที่อยากให้ลูกค้านึกถึง

“ทั้งด้านบริการและโปรดักส์ของเราไม่ได้แพ้เครือแบงก์ใหญ่ อีกทั้งกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.ธนชาตก็ติด 1 ใน 3 ผลงานดีที่สุดในไทย เราจึงพร้อมดูแลทุกคนและพร้อมมากๆ หากจะลงทุนตราสารหนี้ซึ่งเราไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร”นายบุญชัย กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,257
วันที่ 30 เมษายน - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560