กรุงเทพฯครองแชมป์สุดยอดจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวในเอเชีย แปซิฟิค

27 เม.ย. 2560 | 03:28 น.
กรุงเทพมหานครเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุด สิงคโปร์ยังคงนำหน้าด้านยอดการใช้จ่ายสูงสุด เป็นอีกหนึ่งบทสรุปจากผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางในเอเชีย แปซิฟิค จัดทำโดยมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 (Mastercard Asia Pacific Destinations Index 2017) ที่ถูกเผยแพร่ ณ การประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel & Tourism Council Global Summit) จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในวันนี้

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา (2558 – 2559) สิงคโปร์มีอัตราการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นถึง 18% นับเป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางในกลุ่มประเทศ 20 อันดับแรกด้านการใช้จ่าย ที่มียอดการใช้จ่ายอย่างน้อย 200 เหรียญสหรัฐต่อวัน โดยสิงคโปร์ครองอันดับหนึ่งที่มียอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวสูงถึง 254 เหรียญสหรัฐต่อวัน ตามด้วย ปักกิ่ง (242 เหรียญสหรัฐต่อวัน) เซี่ยงไฮ้ (234 เหรียญสหรัฐต่อวัน) ฮ่องกง (242 เหรียญสหรัฐต่อวัน) และไทเป (208 เหรียญสหรัฐต่อวัน)

จากผลสำรวจดังกล่าว พบว่า ปี 2559 เป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ด้วยแรงขับเคลื่อนของความมั่งคั่งในกลุ่มประเทศกำลังเติบโต (emerging markets) ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มีความคึกคักตามไปด้วย นับเป็นภูมิภาคที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีอัตราเติบโตสูงที่สุดในโลก นับจากสัดส่วนของจีดีพีที่สูงถึง 8.5% ของจีดีพีรวมของเอเชียแปซิฟิค และ 8.7% ของอัตราการว่าจ้างของปีที่แล้ว

 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาค้างคืนพุ่งตัวสูงขึ้น

ครึ่งหนึ่งของจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวสูงสุด 20 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคนั้น มีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาค้างคืนเพิ่มขึ้นถึง 10% จากปี 2558 ถึง 2559 โดยจุดหมายปลายทางที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตดังกล่าวอยู่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ โซล (32.7%) โอซาก้า (23.8%) บาหลี (22.5%) โตเกียว (22.2%) ฮอกไกโด (21.9%) ชิบะ (21.5%) และพัทยา (20.6%)

การเติบโตดังกล่าวชี้ถึงโอกาสอันดี ที่รัฐบาล หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว และร้านค้าต่างๆจะได้รับประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการพัฒนาสาธารณูปโภค ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมกันสร้างสถานที่ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยในพื้นที่นั้นๆ รวมถึงการพัฒนาการเดินทางไปสู่จุดหมายท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน

โดยรวมแล้ว นักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนของจุดหมายปลายทางทั้ง 171 ของเอเชีย แปซิฟิคในปี 2558 มีจำนวนสูงถึง 339.2 ล้านคน (9.8% CAGR ระหว่างปี 2552 – 2559) นำโดยกรุงเทพ ที่มีผู้มาเยือนจำนวน 19.3 ล้านคน ตามด้วย สิงคโปร์ (13.1 ล้านคน) โตเกียว (12.6 ล้านคน) โซล (12.4 ล้านคน) และกัวลาลัมเปอร์ (11.3 ล้านคน) จีนยังคงเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค โดยมีนักท่องเที่ยวออกมาพักค้างคืนมากถึง 55 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็น 16.2% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักค้างคืนทั้งหมด

10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวมาพักค้างคืน ได้แก่

1. กรุงเทพ – 19.3 ล้าน

2. สิงคโปร์ – 13.1 ล้าน

3. โตเกียว – 12.6 ล้าน

4. โซล – 12.4 ล้าน

5. กัวลาลัมเปอร์ – 11.3 ล้าน

6. ภูเก็ต – 9.1 ล้าน

7. ฮ่องกง  – 8.9  ล้าน

8. พัทยา – 8.1 ล้าน

9. โอซาก้า – 7.4 ล้าน

10. ไทเป – 7.4 ล้าน

จำนวนคืนที่พักสูงที่สุดในประวัติกาล

นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเอเชีย แปซิฟิคมีจำนวนมากขึ้นและยังใช้เวลาในภูมิภาคนี้ยาวนานขึ้นในแต่ละครั้งอีกด้วย ในปี 2559นักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ค้างคืนรวมทั้งสิ้นมากถึง 1,768.7 ล้านคืน โดยนับเป็น 8.1% CAGR จาก 1023.1 ล้านคืนในปี 2552 กรุงเทพฯ ครองอันดับหนึ่งที่ 87.6 ล้านคืน ตามด้วย ซิดนีย์ในอันดับสองที่ 87.5 ล้านคืน และ กัวลาลัมเปอร์ที่ 76.7 ล้านคืน

เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวค้างคืนที่มาเยือน (ซิดนีย์อยู่ในอันดับที่ 20) จำนวนคืนที่พักในซิดนีย์มีความโดดเด่นอย่างมาก อัตราส่วนของจำนวนการค้างคืนเฉลี่ยของซิดนีย์และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ค้างคืนทั้งหมดต้องถูกแบ่งให้กับจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในออสเตรเลีย อาทิ เมลเบิร์นและบริสเบน เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนมากเดินทางมาไกลกว่าจะถึงออสเตรเลียจึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะค้างอยู่นานขึ้น เพื่อให้คุ้มค่าการเดินทาง

 10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทาง เรียงตามจำนวนคืนที่ค้างทั้งหมด

1. กรุงเทพ – 87.6 ล้าน

2. ซิดนีย์  – 87.5 ล้าน

3. กัวลาลัมเปอร์ – 76.7 ล้าน

4. โตเกียว – 74.3 ล้าน

5. เมลเบิร์น – 62.9 ล้าน

6. บาหลี – 62.4 ล้าน

7. สิงคโปร์ – 60.7  ล้าน

8. โซล  – 56.0 ล้าน

9.  บริสเบน – 51.8 ล้าน

10. ไทเป – 47.8 ล้าน

อัตราการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวพุ่งตัวสูงขึ้นเกือบสองเท่าตัว

เนื่องจากชนชั้นกลางในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 1.415 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 เป็น 2.449 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559 ซึ่งนับเป็น 8.2% CAGR นอกจากนี้ บรรดาเมืองที่มาของนักท่องเที่ยว 20 อันดับแรกยังได้สร้างรายได้ให้แก่การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้รวมถึง 2.015 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2559

กลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนมากช่วยเพิ่มรายได้เหล่านี้อย่างยิ่ง โดยผลสำรวจนี้เผยว่า ประเทศจีน (17.7%) และเกาหลีใต้ ( 8.8%) เป็นสองประเทศที่สร้างรายได้ให้แก่การท่องเที่ยวสูงสุดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ทั้งนี้ สองประเทศดังกล่าวยังเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังสิงคโปร์ (จีนเป็นอันดับ 1) กรุงเทพ (จีนเป็นอันดับ 1) และโตเกียว (เกาหลีเป็นอันดับ 1 และจีนเป็นอันดับ 2)  ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุด จุดหมายปลายทางเหล่านี้ยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งและร้านอาหารชื่อดังระดับโลกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีนและเกาหลีใต้

10 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางในเอเชียแปซิฟิค เรียงจากการใช้จ่ายสูดสุด

1. สิงคโปร์ –  US$1.54 หมื่นล้าน

2. กรุงเทพ –  US$1.27 หมื่นล้าน

3. โตเกียว –  US$1.11 หมื่นล้าน

4. ไทเป – US$9.9 พันล้าน

5. โซล – US$9.4 พันล้าน

6. บาหลี – US$8.7 พันล้าน

7. ภูเก็ต – US$8.3 พันล้าน

8. กัวลาลัมเปอร์ – US$7.3 พันล้าน

9. ซิดนีย์– US$6.8 พันล้าน

10. ฮ่องกง – US$6.6 พันล้าน

ผลสำรวจ สุดยอดจุดหมายปลายทางในเอเชีย แปซิฟิคของมาสเตอร์การ์ด ประจำปี 2560 (Mastercard Asia Pacific Destinations Index 2017) เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของมาสเตอร์การ์ดที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรม รัฐบาล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ มีความรู้ความเข้าใจและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น