เริ่มแล้วประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก

26 เม.ย. 2560 | 08:32 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

26 เมษายน 2560-  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก “World Travel and Tourism Council Global Summit 2017” (WTTC 2017) ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดขึ้นในวันที่ 26 - 27 เมษายน 2560 ณ กรุงเทพมหานคร โดยมี Mr. David Cameron อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร Dr. Taleb Rifai เลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวโลก Mr. Gerald Lawless ประธานสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารธุรกิจท่องเที่ยว และสื่อมวลชนจากนานาชาติ เข้าร่วมงาน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก ประจำปี 2560 หรือ “World Travel and Tourism Council Global Summit 2017” (WTTC) ซึ่งเป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก    ที่สามารถเน้นย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการจัดการประชุมระดับโลก และแสดงถึงความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของเอเชียและของโลกต่อไป

โดยการจัดงานฯ ครั้งนี้ ได้มีผู้แทนระดับสูงในภาคธุรกิจการเดินทางและการท่องเที่ยว และหน่วยงานการท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 1,200 คน อาทิ Ms.Isabell Hill Director, National Travel and Tourism Office สหรัฐอเมริกา H.E.Walter Mzembi Minister of Tourism and Hospitality Industry สาธารณรัฐซิมบับเว H.E.Arief Yahya Minister of Tourism สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และ H.E.Edmund Bartlett Minister  of Tourism ประเทศจาเมกา มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหัวข้อหลัก “Transforming Our World”    โดยกล่าวถึงอนาคตของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีการจ้างงานถึง 292 ล้านอัตรา และสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศถึงร้อยละ 10.2 ของ GDP ทั้งโลกรวมกัน

สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกปี จากปี 2558 ที่เติบโตร้อยละ 16.7 สร้างรายได้ 1.45 ล้านล้านบาท และในปี 2559 ที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เอื้ออำนวย แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยยังสามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 11 สร้างรายได้ทั้งสิ้น 2.52 ล้านล้านบาท  ถือว่าเป็นสินค้าบริการที่สร้างรายได้สูงสุดของประเทศ สำหรับในปี 2560 ภาคการท่องเที่ยวผลิตสินค้าและบริการมูลค่าถึง 4.6 ล้านล้านบาท มีการจ้างงานในประเทศเกือบ 14 ล้านตำแหน่ง ซึ่งยังส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคและของโลก

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงมุ่งสนับสนุนนโยบาย Thailand Plus One เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่จากนักลงทุนต่างประเทศให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญในการเข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งมีผู้บริโภคกว่า 620 ล้านคน ทั้งด้านการค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ การคมนาคม การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการท่องเที่ยว ยกระดับให้ภูมิภาคนี้เป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน หรือ Single Tourist Destination ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก พร้อมกันนี้ อาเซียนพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างกันให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายคุนหมิง - สิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 การพัฒนาทางหลวงอาเซียน โดยเน้นการเชื่อมต่อของไทยกับเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถยกฐานะขึ้นเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของภูมิภาคอย่างเต็มตัวอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ททท. ยังได้จัดงาน “WTTC Gala Dinner” ขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานกล่าว  เปิดงาน พร้อมนำเสนอการแสดงชุด “ชัยยตรีโลกา” จากคณะนาฏยบูรพา การแสดงชุด “Muay Thai Live” และการแสดงชุด “กรุงเทพ” จากกระทรวงวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีกิจกรรม “รำกลองยาว” เชิญแขกผู้มีเกียรติร่วมรำวงกับคณะกลองยาว เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาชาติได้สัมผัสและประทับใจในศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามของไทยอีกด้วย

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานว่า

• ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในการเปิดการประชุม   สุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก ประจำปี 2560 หรือ World Travel and Tourism Council Global Summit 2017 ในวันนี้ ผมรู้สึกภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก ซึ่งเป็นการเน้นย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการจัดการประชุมระดับโลก และมี    ความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของเอเชียและของโลกต่อไป

• การประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก เป็นเวทีที่นำผู้แทนระดับสูงในภาคธุรกิจการเดินทางและการท่องเที่ยว และหน่วยงานการท่องเที่ยว ทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน และเป็น การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการกับรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องได้หารือเรื่องอนาคตการท่องเที่ยวโลก การพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและเติบโตอย่างยั่งยืนรวมทั้งกฎระเบียบ ข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวของโลก    เพื่อหาแนวทางและวิธีการที่สามารถนำมาปฏิบัติให้เกิดผลได้จริงตามศักยภาพของอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก  มีการจ้างงานถึง 284 ล้านอัตรา และสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศถึงร้อยละ 9.8   ของ GDP ทั้งโลกรวมกัน

• ผมมีความสนใจเป็นพิเศษสำหรับประเด็นหลักของการประชุมครั้งนี้ คือ “Transforming Our World” เพราะในทุกๆ วัน โลกของเรามีความเปลี่ยนแปลง  อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสโลกาภิวัฒน์ และปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ได้สร้าง  แรงกดดันแก่ประชาคมโลกและองค์การสหประชาชาติ ที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางสังคม รวมถึงการพัฒนาและยกระดับการเดินทางและท่องเที่ยวทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น

• ปัจจุบันโมบายเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทุกวันนี้มีการใช้เทคโนโลยีอย่าง Virtual Reality, Drone และ  Mobile Data มาใช้โปรโมทการท่องเที่ยวอย่างได้ผล ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจท่องเที่ยวต้องเข้าใจและนำดิจิตอลเทคโนโลยีในการส่งเสริมการท่องเที่ยวมาใช้ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ เพราะให้มุมมองที่รวดเร็ว สนุกสนาน และง่ายต่อ   การเข้าถึง แต่ในอีกมุมหนึ่งมีปัญหาเรื่องภัยคุกคามจากการก่อการร้ายและการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดมาตรการและการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อคัดกรอง  นักเดินทางและนักท่องเที่ยวเข้าประเทศอย่างเข้มงวดมากขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องมี การจัดระบบความสมดุลในเรื่องความปลอดภัยและอิสรภาพในการท่องเที่ยวในระดับ    ที่สามารถยอมรับได้

 

• สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกปี จากปี 2558 ที่เติบโตร้อยละ 16.7 สร้างรายได้ 1.45 ล้านล้านบาท (ประมาณ 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และในปี 2559 ที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เอื้ออำนวย แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยยังสามารถขยายตัวได้ถึง ร้อยละ 11 สร้างรายได้ทั้งสิ้น  2.52 ล้านล้านบาท (ประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ถือว่าเป็นสินค้าบริการที่สร้างรายได้สูงสุดเมื่อเทียบกับสินค้าส่งออกที่สำคัญต่างๆ ของประเทศ สำหรับในปี 2560 ภาคการท่องเที่ยวมีการผลิตสินค้าและบริการมูลค่าถึง 4.6 ล้านล้านบาท (ประมาณ 131,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีการจ้างงานในประเทศเกือบ 14 ล้านตำแหน่ง และปัจจุบันประเทศไทย คือศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคและของโลก บทบาทสำคัญของไทยคือการเชื่อมโยงส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มภูมิภาคอาเซียน  ทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี

• รัฐบาลนี้ได้ให้ความสำคัญกับนโยบาย Thailand Plus One ซึ่งได้นำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา โดยสาระสำคัญของนโยบายนี้ คือ ต้องการกระตุ้นและดึงดูดการลงทุนใหม่จากนักลงทุนต่างประเทศที่สามารถใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญของภูมิภาคเข้าสู่ตลาดในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีผู้บริโภคกว่า   620 ล้านคน ทั้งนี้ ตลาดโลก นักลงทุน นักธุรกิจ หรือนักท่องเที่ยวจะพบว่าประเทศไทย

มีโครงข่ายการคมนาคมทางบก ทางเรือ และทางอากาศที่ทันสมัย ประกอบกับมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ดีเพราะอยู่ตรงกลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้การเดินทางเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว

• สำหรับผลสัมฤทธิ์ของนโยบาย Thailand Plus One จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในหลายๆ ด้าน ทั้งทางการค้า การขนส่ง และโลจิสติกส์ คมนาคม การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการท่องเที่ยว

• ประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนให้ความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงได้ดำเนินการเพื่อลดอุปสรรคในการเดินทางท่องเที่ยว   ตามเป้าหมายเพื่อยกระดับให้ภูมิภาคนี้เป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน หรือ Single Tourist Destination ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สำหรับปี 2560 นี้ ได้กำหนดให้เป็น ปีแห่งการท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ชื่อ “Visit ASEAN@50” เพื่อฉลองการก่อตั้งอาเซียนครบรอบ 50 ปี รวมทั้งเพื่อแสดงความแตกต่างอันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างลงตัว  ของกลุ่มประเทศอาเซียนในสายตาของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยคาดว่าแคมเปญนี้      จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 121 ล้านคน และทำรายได้ให้กับประเทศสมาชิกถึง    29 ล้านล้านบาท (ประมาณ 828 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

• นอกจากนี้ อาเซียนได้เน้นการเติมเต็มเครือข่ายความเชื่อมโยงระหว่างกันให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาเครือข่ายเส้นทางพัฒนาโครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายคุนหมิง - สิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 การพัฒนาทางหลวงอาเซียน โดยเน้นการเชื่อมต่อของไทยกับเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถยกฐานะขึ้นเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของภูมิภาคอย่างเต็มตัว

• สำหรับวันนี้ผมมีความเชื่อมั่นว่า ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการจัดการประชุมฯ  ครั้งนี้ จะได้ร่วมแรงร่วมใจทำงานด้วยกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ คือการใช้โอกาสและช่องทางของการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อเปลี่ยนโฉมหน้า

โลกของเราไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและกระจายความมั่งคั่งในสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรของโลก ผมขออวยพรให้การประชุมฯ ครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ทุกประการ

• ในโอกาสนี้ ผมในนามของรัฐบาลไทย และประชาชนชาวไทย รวมถึงผู้ประกอบการในภาคการเดินทางและการท่องเที่ยว มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ทุกท่าน และขอให้ทุกท่านได้ใช้โอกาสที่อยู่ในประเทศของเราทำความรู้จักประเทศไทยและคนไทยให้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านวัฒนธรรม ด้านสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และงดงาม ด้านอาหาร ที่มีความอร่อยและโดดเด่น รวมทั้งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความเอื้ออารีของคนไทย ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนทุกท่าน และผมหวังว่าประเทศไทยจะได้มีโอกาสต้อนรับทุกท่าน รวมทั้งสมาชิกในครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหายของท่าน  อีกในโอกาสต่อไป