“แพนดอร่า”ทุ่ม 9 พันล้านขยายกำลังการผลิตในไทย
แพนดอร่า ทุ่มงบประมาณกว่า 9 พันล้านบาท ขยายฐานการผลิตอัญมณี 3 โครงการหลักในประเทศไทยเพื่อตอบรับดีมานด์โลก ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี
นายนีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสสายงานการผลิตและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด กล่าวว่า เพื่อการรองรับความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มมากขึ้น แพนดอร่ามีกลยุทธ์ขยายกำลังการผลิตด้วยแผนการลงทุนมูลค่ารวม 9 พันล้านบาทภายในระยะ 5 ปี (2558-2562) กับ 3 โครงการหลักที่ปักหมุดในประเทศไทย ได้แก่ 1. โรงงานใหม่แห่งที่ 2 สาขาลำพูน 2. อาคารใหม่ Triple A กรุงเทพฯ 3. โครงการปรับปรุงอาคารในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2558 หรือสามารถผลิตได้มากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปี ภายในสิ้นปี 2562 พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมเครื่องประดับไทยให้มีความโดดเด่นระดับโลก ด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนไทยประมาณ 20,000 อัตรา
1.โรงงานใหม่แห่งที่ 2 สาขาลำพูน
มาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design หรือ LEED ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืน ด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยแบบเน้นการไหลของกระบวนการ (Flow) และผลิตแบบกึ่งอัตโนมัติ เพื่อประหยัดเวลาและช่วยลดเวลาในการผลิตเพิ่มมากขึ้นถึง 50% โดยตั้งเป้าการผลิตได้กว่า 25% ของปริมาณการผลิตเครื่องประดับทั้งหมดของแพนดอร่าในประเทศไทยในปี 2560
2. อาคารใหม่ Triple A กรุงเทพฯ
โครงการสร้างอาคารฝ่ายผลิตใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานีที่ทุ่มงบกว่า 20% ของแผนการลงทุน ด้วยการออกแบบที่นอกจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตด้วยพื้นที่กว่า 19,383 ตารางเมตร อาคารแห่งใหม่นี้จะมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนในวงการอัญมณี ซึ่งจะช่วยทำให้เวลารวมในการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก
3. โครงการปรับปรุงอาคารเดิมและสร้างอาคารสำนักงานใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ
โครงการปรับปรุงพื้นที่เพื่อตอบโจทย์แผนขยายฐานการผลิตในระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่
เฟสที่ 1: ศูนย์นวัตกรรม (The Innovation Centre) มีกำหนดการเปิดตัวภายในปีนี้ โดยเป็นศูนย์นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากแพนดอร่า กับสโกแลน “ศูนย์นวัตกรรมเครื่องประดับอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
เฟสที่ 2: ปรับปรุงอาคารเดิมและสร้างอาคารใหม่ (อาคาร A18 อาคาร AAAA และอาคาร BB) รองรับการเติบโตของแพนดอร่าทั้งในส่วนของสำนักงาน ศูนย์อาหาร ที่จอดรถ ห้องประชุม และมีการดัดแปลงอาคารเพื่อขยายกำลังการผลิต
"เราเชื่อมั่นว่าการโครงการขยายกำลังการผลิตของแพนดอร่าจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับอัญมณีในประเทศไทยให้โดดเด่นระดับโลก สานต่อวิสัยทัศน์ของแบรนด์แพนดอร่าที่ต้องการจะเป็นแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีอันเป็นที่รักและชื่นชอบมากที่สุดในโลก” นายเฮแลนเดอร์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด ที่นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ ถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับอัญมณีรายใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2559 นับเป็นปีทองของแพนดอร่าที่มีผลประกอบการรวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 2558 โดยผลิตเครื่องประดับอัญมณีทั้งหมด 122 ล้านชิ้น สินค้าแบรนด์แพนดอร่ามีวางจำหน่ายมากกว่า 100 ประเทศ ใน 6 ทวีปทั่วโลก โดยทวีปอเมริกาถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุด 34% ในขณะที่ 19% เป็นทวีปเอเชียซึ่งเติบโตมากที่สุด และอีก 47% อยู่ที่ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา สัดส่วนยอดขายแบ่งออกเป็น จี้ประดับและสร้อยข้อมือ 77% แหวน 13% ตุ้มหู 5% สร้อยคอและจี้ 5%
นายนีลส์ เฮแลนเดอร์ รองประธานอาวุโสสายงานการผลิตและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด กล่าวว่า เพื่อการรองรับความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มมากขึ้น แพนดอร่ามีกลยุทธ์ขยายกำลังการผลิตด้วยแผนการลงทุนมูลค่ารวม 9 พันล้านบาทภายในระยะ 5 ปี (2558-2562) กับ 3 โครงการหลักที่ปักหมุดในประเทศไทย ได้แก่ 1. โรงงานใหม่แห่งที่ 2 สาขาลำพูน 2. อาคารใหม่ Triple A กรุงเทพฯ 3. โครงการปรับปรุงอาคารในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2558 หรือสามารถผลิตได้มากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปี ภายในสิ้นปี 2562 พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมเครื่องประดับไทยให้มีความโดดเด่นระดับโลก ด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนไทยประมาณ 20,000 อัตรา
1.โรงงานใหม่แห่งที่ 2 สาขาลำพูน
มาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design หรือ LEED ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืน ด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยแบบเน้นการไหลของกระบวนการ (Flow) และผลิตแบบกึ่งอัตโนมัติ เพื่อประหยัดเวลาและช่วยลดเวลาในการผลิตเพิ่มมากขึ้นถึง 50% โดยตั้งเป้าการผลิตได้กว่า 25% ของปริมาณการผลิตเครื่องประดับทั้งหมดของแพนดอร่าในประเทศไทยในปี 2560
2. อาคารใหม่ Triple A กรุงเทพฯ
โครงการสร้างอาคารฝ่ายผลิตใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานีที่ทุ่มงบกว่า 20% ของแผนการลงทุน ด้วยการออกแบบที่นอกจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตด้วยพื้นที่กว่า 19,383 ตารางเมตร อาคารแห่งใหม่นี้จะมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนในวงการอัญมณี ซึ่งจะช่วยทำให้เวลารวมในการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก
3. โครงการปรับปรุงอาคารเดิมและสร้างอาคารสำนักงานใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ
โครงการปรับปรุงพื้นที่เพื่อตอบโจทย์แผนขยายฐานการผลิตในระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่
เฟสที่ 1: ศูนย์นวัตกรรม (The Innovation Centre) มีกำหนดการเปิดตัวภายในปีนี้ โดยเป็นศูนย์นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากแพนดอร่า กับสโกแลน “ศูนย์นวัตกรรมเครื่องประดับอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
เฟสที่ 2: ปรับปรุงอาคารเดิมและสร้างอาคารใหม่ (อาคาร A18 อาคาร AAAA และอาคาร BB) รองรับการเติบโตของแพนดอร่าทั้งในส่วนของสำนักงาน ศูนย์อาหาร ที่จอดรถ ห้องประชุม และมีการดัดแปลงอาคารเพื่อขยายกำลังการผลิต
"เราเชื่อมั่นว่าการโครงการขยายกำลังการผลิตของแพนดอร่าจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับอัญมณีในประเทศไทยให้โดดเด่นระดับโลก สานต่อวิสัยทัศน์ของแบรนด์แพนดอร่าที่ต้องการจะเป็นแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีอันเป็นที่รักและชื่นชอบมากที่สุดในโลก” นายเฮแลนเดอร์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด ที่นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพฯ ถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับอัญมณีรายใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2559 นับเป็นปีทองของแพนดอร่าที่มีผลประกอบการรวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 2558 โดยผลิตเครื่องประดับอัญมณีทั้งหมด 122 ล้านชิ้น สินค้าแบรนด์แพนดอร่ามีวางจำหน่ายมากกว่า 100 ประเทศ ใน 6 ทวีปทั่วโลก โดยทวีปอเมริกาถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุด 34% ในขณะที่ 19% เป็นทวีปเอเชียซึ่งเติบโตมากที่สุด และอีก 47% อยู่ที่ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา สัดส่วนยอดขายแบ่งออกเป็น จี้ประดับและสร้อยข้อมือ 77% แหวน 13% ตุ้มหู 5% สร้อยคอและจี้ 5%