5 กลยุทธ์ดัน‘แสนสิริ’โต เจาะลูกค้าตปท.-เพิ่มตลาดบนฝ่าศก. ปิดจุดเสี่ยงเงินทุน

26 เม.ย. 2560 | 03:20 น.
เศรษฐกิจไทยโตไม่มาก แสนสิริวิ่งหาลูกค้าต่างชาติ ที่ใช้เงินสดถึง 99% ซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียม หวังรัฐบาลทุ่มลงทุนใหญ่ หนุนอสังหาริมทรัพย์ทะยานอีก18 เดือนข้างหน้า ส่วนผลงานปีนี้คาดกำไรมากกว่าปีก่อน

บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี โดยมีนายโกวิทย์ โปษยานนท์ ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในที่ประชุม นาย วันจักร์ บุรณศิริ กรรมการ บริษัทได้รายงานให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงแผนงานในปี 2560 มีอยู่5 เรื่อง คือ 1. บริษัทจะมีการปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับตลาดมากขึ้น เน้นตลาดบนมากขึ้น ลดโครงการในต่างจังหวัด 2.เจาะตลาดกลุ่มต่างประเทศมากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จถึง 3 ปี คือในปี 2557 มียอดขาย 3,500 ล้านบาท ปี 2558 เติบโต 55% เป็น 5,400 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 7,500-8,000 ล้านบาท โดยลดตลาดในประเทศ เพื่อลดความเสี่ยง

แผนงานที่ 3 การร่วมมือกับแบรนด์โลก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4. ลงทุนและนวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์(Prop Tech)ผ่าน บริษัท Siri Ventureที่ร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้น 10% และบริษัทฯถือหุ้น90% ในการลงทุนด้านนวัตกรรมใหม่ๆ และ5 ก้าวสู่การทำงานด้วยการใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการรักษาความได้เปรียบทางการตลาด การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ด้านนาย เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแสนสิริ กล่าวเสริมว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯจะเกาะติดกับเศรษฐกิจประเทศ มีการคาดการณ์ว่าปีนี้จะเติบโต 3% ตลาดอสังหาฯจะโตไม่เกิน1.5 เท่าหรือ 4-4.5เศรษฐกิจจะเติบโตก้าวกระโดดได้ต้องมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหากรัฐมีการลงทุนจริงคาดว่าอีก18 เดือนข้างหน้าตลาดอสังหาฯจะโตมากกว่าอดีต และการกระจายรายได้ของคนมีรายได้ระดับกลางจะเป็นลูกค้าสำคัญของแสนสิริในอนาคต

สำหรับตลาดต่างประเทศของSIRI ลูกค้ามาจากฮ่องกงมากที่สุด ตามด้วยคนจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซียอีกเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อให้เช่าและอยู่อาศัยเอง ไม่มีการขายต่อและไม่มีการซื้อซ้ำ มีเพียงการแนะนำเพื่อให้มาซื้อต่อ ลูกค้ามากถึง 99%ชำระด้วยเงินสด มีเพียง 1% เท่านั้นที่กู้เงิน บริษัทฯเก็บเงินดาวน์สูงส่วนการร่วมมือกับแบรนด์ต่างประเทศ อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งมีแบรนด์อิตาลีด้วย สำหรับนวัตกรรมที่จะลงทุนเพื่อเข้ามาเสริมธุรกิจหลัก

ในที่ประชุมมีผู้ถือหุ้นสอบถามถึงแนวโน้มกำไรสุทธิในปี 2560 หลังจากเห็นปี 2559 ลดเหลือเพียง 3,380 ล้านบาท นายวันจักร์ชี้แจงว่า กำไรที่ลดลงเนื่องจากกำไรพิเศษจากการขายที่ดินเหมือนในปี 2558 จำนวน 800-900 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ จะมีกำไรสุทธิดีขึ้น และอัตรากำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นจาก 9% เศษ เป็นมากกว่า 10% เนื่องจากเปิดโครงการใหม่ และบริษัทลูกพลิกจากขาดทุนมีกำไรหลักสิบล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 34-38% ส่วนบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 30-34%

นอกจากนั้นผู้ถือหุ้นยังไม่เชื่อมั่นเรื่องที่บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากการขาย ในปี 2560 และการเน้นตลาดระดับบน ขณะนี้คอนโดมิเนียมหรูดีจริงหรือไม่ นายวันจักร์ ยืนยันว่าจะทำได้ตามแผนที่วางไว้ ลูกค้าโอนแน่นอน สำหรับการลงทุนในต่างจังหวัดค่อนข้างมาก เพราะช่วงนั้นบูมบางโครงการก็สำเร็จ ส่วนที่นครราชสีมา ยอดขายไม่ดี ทำได้ 8-10% ซึ่งผู้บริหารได้ตัดสินใจหยุดการลงทุนและคืนเงินคนจอง หากลงทุนต่อไปจะเสียหายมากกว่านี้ โครงการอื่นทยอยแก้ไขปัญหา ขายออกไปบ้าง ในปี 2557-2558 ในปี 2559 มีการขายที่ดิน ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางธุรกิจปกติของอสังหาริมทรัพย์

“ที่โคราชเราประกาศขายและให้เช่า ตอนนี้มีคนเช่าแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่บริษัทยังไม่ปลดป้ายออก”

ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติวงเงินในการออกหุ้นกู้ 1หมื่นล้านบาท นายวันจักร์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังมีวงเงินออกเหลืออยู่ 5,000 ล้านบาท แต่ปีนี้จะมีครบอายุ 2,000 ล้านบาทและปีหน้า อีก 6,000 ล้านบาท จึงต้องเตรียม เงินไว้ และเสริมสภาพคล่อง บริษัทมีเครดิตดีขึ้นและฐานะการเงินแข็งแกร่ง ส่งผลให้ต้นทุนลดลง เฉลี่ย 3.9%

“แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น เราออกหุ้นกู้ล็อกต้นทุนเงินไว้ก่อน ลดความเสี่ยง จากการใช้สินเชื่อโครงการที่ใช้ดอกเบี้ยลอยตัวคิดดอกเบี้ยแพงที่สุดของเราที่ 4.25% รวมถึงลดการใช้ตั๋วพี/เอ็นและตั๋วบี/อี แม้ว่าดอกเบี้ยจะต่ำเพียง 2.35-2.4% แต่มีความเสี่ยงสูงสุด ขณะที่หุ้นกู้ถูกลงเรื่อยๆ 5 ปีก่อน จ่าย 5.5% ของใหม่เหลือ 3.7-3.8%
ส่วนการจ่ายเงินปันผล บริษัทจ่ายปีละ 2 ครั้ง” นายวันจักร์กล่าว

[caption id="attachment_143031" align="aligncenter" width="285"] 5กลยุทธ์ดัน‘แสนสิริ’โต เจาะลูกค้าตปท.-เพิ่มตลาดบนฝ่าศก. ปิดจุดเสี่ยงเงินทุน 5กลยุทธ์ดัน‘แสนสิริ’โต เจาะลูกค้าตปท.-เพิ่มตลาดบนฝ่าศก. ปิดจุดเสี่ยงเงินทุน[/caption]

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,255 วันที่ 23 - 26 เมษายน พ.ศ. 2560