“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ” ปรับทัพเสริมบริการรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

21 เม.ย. 2560 | 09:25 น.
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ปรับทัพธุรกิจใหม่ เสริมความแกร่งรอบด้าน เพื่อรองรับ และเชื่อมโยงทุกกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างแม่นยำ เผยทุนท้าทายของการตลาดยุค 2560 ต้องผ่านกลยุทธ์ “ครีเอทีวิตี้ แอดเดด” (Creativity-Added) เพิ่มเติม สร้างสรรค์ และใส่ใจในรายละเอียดด้วยความเข้าใจ เพื่อสร้างมูลค่า และเพิ่มโอกาสด้านการตลาด เข้าถึงทุกกลุ่มเซกเม้นท์เชิงลึก ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ผู้บริโภคในรูปแบบข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างหลากหลาย

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟอีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “เนื่องด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่เป็นปัจจัยที่กำหนดทิศทางการทำการตลาดที่ดีที่สุด ผนวกกับเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และนักการตลาดต่างต้องปรับตัวให้ทันผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นการทำการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน จึงไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องเพิ่มด้านความคิดสร้างสรรค์เข้าไปด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการเพิ่ม แวลู แอดเดด (Value-Added) เพียงอย่างเดียว เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าหรือแบรนด์ให้สูงขึ้น ด้วยวิธีการต่างๆ แต่ต้องใส่ ‘ครีเอทีวิตี้ แอดเดด’ (Creativity-Added) กลยุทธ์สร้างทุนที่ท้าทายของการตลาดยุค 2560 คือ การเพิ่มเติม สร้างสรรค์ และใส่ใจในทุกรายละเอียดต่างๆ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง เพื่อสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้น เนื่องจากในทุกๆ กลุ่มอุตสาหกรรมต่างต้องการความคิดสร้างสรรค์มาเติมแต่งให้เกิดความแตกต่าง เกิดความจดจำ และเป็นที่สนใจต่อกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรม และเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่นิยมความสุข ความสบาย ความสนุกสนาน และมีความละเมียดละไมในการใช้ชีวิตมากขึ้น แต่จะแตกต่างกันในส่วนของรายละเอียดต่างๆ ด้วยวิธีการเข้าถึงในแต่ละกลุ่มช่วงวัยที่แตกต่างกัน โดยมุ่งไปที่กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริโภคต้องการอะไร เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม”

นายเกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติม “ด้วยกลยุทธ์ ‘Creativity-Added’ สามารถเพิ่มโอกาสทางการตลาดได้ด้วยการสร้างประสบการณ์ร่วม โดยเจาะลึกผ่านประสบการณ์กับผู้บริโภค ให้เกิดความรู้สึก นึกคิด สู่การกระทำด้วยความเต็มใจ ผ่านการออกแบบดีไซน์การสื่อสารจากแบรนด์ และสินค้าต่างๆ หรือที่เรียกว่า “อิมเมอร์ซีฟ เอ็กซ์พีเรียนส์” (Immersive Experience) เชื่อมโยงประสบการณ์ร่วมด้วยรูปแบบของดิจิ-ไลฟ์-เอ็กซ์พีเรียนส์ (Digi-Live Experience) ผสมผสานโลกออนกราวน์ และโลกออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภค ด้วย 1.การสร้างประสบการณ์ร่วมเสมือนจริง (Virtual becomes Reality) คือ การเชื่อมโยง และสร้างให้ผู้บริโภคมีความผูกพันธ์กับแบรนด์ ทั้งบนโลกดิจิตอล และโลกจริง และ 2.การเจาะกลุ่มจีแอลบีที (GLBT) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับในกลุ่มประเทศในซีแอลเอ็มวี (CLMV) ประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่เปิดอิสระเสรีให้กับเพศที่ 3 มากที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้น เห็นได้จากการเติบโตของกลุ่มแบรนด์สินค้า และผลิตภัณฑ์ รวมถึงงานอีเว้นท์ และโชว์บิซต่างๆ อาทิ งานคอนเสิร์ตประเภทอีดีเอ็ม (EDM) และงานละครเวทีต่างๆ ที่หันมาเจาะกลุ่มเป้าหมายจีแอลบีทีอย่างชัดเจน รวมถึงเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นลักษณะที่เป็นกลุ่มเป็นก้อน ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การสร้างการสื่อสารที่สามารถโน้มน้าวใจ และตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยมีครีเอทีวิตี้ แอดเดด เป็นตัวเชื่อมโยงกลุ่มของผู้บริโภค และสร้างสีสันแต่ละงานให้ออกมาอย่างมีเอกลักษณ์ เจาะข้ามแพลตฟอร์มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย

“ในส่วนของอินเด็กซ์ฯ ได้มีการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักของความคิดสร้างสรรค์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขยายธุรกิจ และการสร้างความพร้อมในเรื่องของกำลังคน ส่งผลให้การขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ล่าสุดได้มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นคง และความชัดเจนในเรื่องของการบริการที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ

INDEX CREATIVE_รูป Services 1.กลุ่มธุรกิจ ครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development) ให้บริการด้านการพัฒนา แบรนดิ้ง และสร้างประสบการณ์พิเศษ สู่การสร้างมูลค่าในรูปแบบของแหล่งท่องเที่ยว  2.กลุ่มธุรกิจ มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) ให้บริการด้านการวางแผน วางกลยุทธ์ และให้คำปรึกษาด้านการตลาดต่างๆ อย่างมืออาชีพ  3.กลุ่มธุรกิจ ไอ-โปรเจค (I-Project) ให้บริการสร้างสรรค์งานโปรเจคพิเศษ อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“ด้วยความสามารถเชื่อมโยงการบริหารงานในเครือข่ายทั้งใน และต่างประเทศ กับ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างหลากหลาย ด้วยการนำเอาจุดแข็ง ประสบการณ์ Know-How และความเชี่ยวชาญที่แตกต่าง เชื่อมั่นจะสามารถต่อยอดธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ให้เติบโตมั่นคงแบบต่อเนื่อง ทั้งในประเทศ และระดับภูมิภาคอาเซียนแบบครบวงจร ได้อย่างแน่นอน” นายเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย