ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ที่ทยอยประกาศออกมา ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่สวยหรูอย่างที่คาดไว้ก็เป็นไปได้ หลังจากธนาคารทหารไทย(TMB) มีการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ธนาคารบางแห่งก็อาจจะจำเป็นต้องตั้งกราดสูงเช่นเดียวกัน เมื่อรวมกับปัจจัยแวดล้อมในต่างประเทศที่มีความกังวลมากขึ้น จึงเป็นไปได้ สูงที่ราคาหุ้นของธนาคารบางแห่งจะอ่อนตัวลงบ้าง จากความหวังที่มองเริ่ดเกินไป
แม้ว่านักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทรีนีตี้มองว่ากำไรสุทธิ 2,096 ล้านบาท ลดลง2% จากไตรมาส 4/2559 ต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ยังคงแนะนำถือหุ้น TMB เพราะมองปรากฎการณ์ที่ตั้งสำรองหนี้สูญยังสูง สะท้อนสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลที่ยังทรงตัว แต่โดยรวมแล้วยังคงยืนยันเป้าหมายกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 8,836 ล้านบาท คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีแนวโน้มสินเชื่อจะดีขึ้น ทั้งจากสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อธุรกิจที่จะเติบโตได้ตามเศรษฐกิจ
ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ที่ออกมาดีในไตรมาส 1/2560 ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 19% จากช่วงเดียกันปีก่อนและเทียบไตรมาส 4/2559 ดีขึ้น 15% ถือว่าสูงกว่าประมาณการที่คาดไว้ 5%เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด จึงปรับประมาณกำไรเพิ่มขึ้น 6% และ5% ในปี 2560/2561ผลจากการปรับลดสมมติฐานการค่าใช้จ่ายตั้งสำรอง/สินเชื่อเป็น 1.3% (จากเดิม 1.4%)
“กำไรใน ไตรมาส 1 คิดเป็น 60% ของประมาณกำไรทั้งปีจึงปรับประมาณกำไร และปรับราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 82.5 บาท”
กำไรระบบแบงก์ จะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัวหรือไม่ ยังต้องรอดูผลงานของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เสียก่อน แต่ต้องยอมรับว่าธุรกิจยังคงพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากตลาดตราสารหนี้สูงเหมือนเดิม อย่างที่เห็นในไตรมาส 1 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2560 ที่มีการระดมทุนถึง 172,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาส 1/2559 ที่มีการระดมทุนจำนวน 127,813 ล้านบาท เงินที่ได้ส่วนหนึ่งนำไปชำระคืนหนี้ที่กู้ยืมมาซื้อกิจการ ขณะที่แบงก์ยังคงระมัดระวังตัวในการขยายสินเชื่อใหม่ จึงไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นแบงก์เริ่มพักบ้างเสียแล้ว เพราะความไม่แน่ใจในทิศทางของกำไรแบงก์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,254 วันที่ 20 - 22 เมษายน พ.ศ. 2560