พาณิชย์คิกออฟเปิดจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์

18 เม.ย. 2560 | 07:47 น.
กระทรวงพาณิชย์ คิกออฟเปิดให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ดีเดย์ 18 เม.ย. 60 เป็นต้นไป ชี้อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ทุกที่      ทุกเวลา พลิกโฉมการจดทะเบียนนิติบุคคลแบบเดิมๆ คาดจะมีผู้ใช้บริการราว 3 หมื่นรายต่อปี

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทำการเปิดให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2560 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตได้แล้วอย่างครบวงจรตั้งแต่เริ่มต้นประกอบธุรกิจจนถึงเลิกกิจการ เป็นการพลิกโฉมการให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลแบบเดิมๆ มาเป็นการให้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สามารถอำนวยความสะดวกในการเริ่มต้นธุรกิจทำให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามความต้องการ

“การให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Registration มีระบบการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นสูงเทียบเท่ามาตรฐานสากล และมีความมั่นคงปลอดภัยในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการเข้าถึงระบบ การบริหารจัดการความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ผู้ที่มีเจตนาที่ไม่ดีนำไปใช้หาประโยชน์และนำไปก่ออาชญากรรมได้ ดังนั้น ผู้ใช้บริการ e-Registration จึงมั่นใจได้ว่า “ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ทำการยืนยันตัวตนกับกรมฯ หรือ ข้อมูลที่ได้จดทะเบียนฯ ไว้จะมีความปลอดภัย และไม่ถูกคุกคามจากโลกไซเบอร์”

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้ามาใช้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ราว 2,500 - 3,000 รายต่อเดือน หรือประมาณ 3-3.6 หมื่นรายต่อปี สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความพร้อมในการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็ยังคงสามารถเดินทางมาจดทะเบียนฯ ได้ที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดได้เหมือนเดิม

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า การปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการทำงานและการให้บริการภาครัฐ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการทำงานและขั้นตอนการให้บริการ ให้มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง รวดเร็ว สามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ และประชาชน โดยให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของไซเบอร์และข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐที่ไม่กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลและความมั่นคงของชาติ รวมไปถึงการสร้าง Platform การให้บริการภาครัฐ เพื่อให้ภาคเอกชนหรือนักพัฒนาสามารถนำบริการของภาครัฐไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมบริการ และสร้างรายได้ให้กับระบบเศรษฐกิจต่อไป (ทั้งนี้ แผนพัฒนาดิจิทัลฯ ได้ให้ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559)