วินท์คอมฯปักธง CLM ลุยตลาดซอฟต์แวร์-ฮาร์ดแวร์

20 เม.ย. 2560 | 09:00 น.
เป็นเพราะประเทศในกลุ่ม CLM คือ กัมพูชา ลาว และเมียนมาได้เปิดตลาดอย่างเป็นทางการเพื่อพัฒนาประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการกลุ่มทุนไทยขยายการลงทุนไปในยังภูมิภาคเหล่านั้น เช่นเดียวกับ บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ในลักษณะการขายแบบโซลูชัน ยี่ห้อ ออราเคิล และฮิตาชิ ดาต้าซิสเต็มส์ รวมทั้งเป็นผู้นำการให้บริการและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร

อย่างไรก็ตาม “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นางทรงศรี ศรีรุ่งเรืองจิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของ วินท์คอม ติดตามอ่านได้จากบรรทัดถัดจากนี้

 เหตุผลลงทุนใน CLM
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการขยายตลาดซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ไปยังประเทศในกลุ่ม CLMคือ กัมพูชา ลาว และเมียนมา เพราะประเทศเหล่านี้อยู่ในช่วงการพัฒนาประเทศระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จึงมีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ ประกอบกับตลาดในกลุ่ม CLM มีโอกาสเติบโตสูงมากเพราะอยู่ระหว่างรอยต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตมากขึ้น

ล่าสุดบริษัทได้นำระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ไปทำการตลาดในประเทศ เมียนมา ได้การตอบรับจากลูกค้าทั้งในหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน แต่ต้องใช้เวลาในการทำการตลาด เพราะ โครงการขนาดใหญ่ หรือการลงทุนต่างๆยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง

 ทิศทางหลังจากนี้
บริษัทยังให้บริการให้คำปรึกษา การบริการหลังการขาย ที่ครบวงจรสำหรับสินค้าไอทีเพิ่มมากขึ้น และในอนาคตจะมีการขยายงานเข้าไป บำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือด้วย เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า ภายใต้การดูแลของบริษัทวีเซิร์ฟพลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 51% ส่วนบริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด (แวลลู) ถือหุ้น 49% เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการด้านไอซีที (ICT Services) แบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้มากขึ้น วีเซิร์ฟพลัสจะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับวินท์คอมฯ ทำให้มีพอร์ตรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่มีรายได้มาจากการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว ต่อไปก็จะได้จากธุรกิจบริการเพิ่มเข้ามา แม้จะเพิ่งจัดตั้งบริษัทแต่จะมีรายได้และทำกำไรทันที เนื่องจากธุรกิจการให้บริการมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจบริการด้านไอซีทีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 16-18% ซึ่งสูงกว่าธุรกิจไอทีที่มีอัตราการเติบโตไม่ถึง 10% ที่ผ่านมารายได้จากธุรกิจบริการของแวลลูอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่าตัวเลขรายได้ของวีเซิร์ฟพลัสภายใน 3 ปีจะแตะที่ระดับ 700 ล้านบาทได้ ดังนั้นจากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายไม่อิงกับรายได้ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้อย่างมั่นคง

ปัจจุบันบริษัทเข้าประมูลงานจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทได้วางระบบให้กับ กรมสรรพากร ระบบของห้างแม็คโคร ระบบของKTC เป็นต้น โดยใช้เวลาการติดตั้ง ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

 ธุรกิจในประเทศมีแผนอย่างไร
ปัจจุบันธุรกิจในประเทศอยู่ตัวแล้วหน้าที่ตอนนี้ คือ รักษาฐานลูกค้าหลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสถาบันการเงิน และ หน่วยงานราชการเป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการด้านไอซีทีกับองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ อาทิ การออกแบบโครงสร้างระบบการเชื่อมต่อคลาวด์ การอิมพลิเมนต์ระบบรักษาความปลอดภัย การอินติเกรต ระบบการให้บริการเว็บไซต์การให้บริการด้านเทคนิค ไปจนถึงบริการ Call Center เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม

 เป้าหมายรายได้
บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ภายในปี 2561 มีรายได้ 2,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ระดับ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากการขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 71-79% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้การให้บริการ

 แผนระดมทุนเข้าตลาด
ส่วนแผนการเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ นั้น กรรมการผู้จัดการ บมจ. วินท์คอม เทคโนโลยี กล่าวว่าปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (mai) โดยในเบื้องต้นคาดว่า จะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ช่วงประมาณไตรมาส2/2560

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,254 วันที่ 20 - 22 เมษายน พ.ศ. 2560