เมืองไทยประกันชีวิตผนึกไอแบงก์ออก 2 ผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์

17 เม.ย. 2560 | 03:33 น.
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBank) จัดโครงการ “รวมพลังสร้างสรรค์ตะกาฟุล”  เพื่อนำเสนอทางเลือกการออมเงินที่คุ้มค่า และถูกต้องตามหลักศาสนาสำหรับพี่น้องชาวมุสลิม  โดยภายใต้โครงการนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนา 2 ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ตามนโยบาย “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่นำมาเสนอประกอบด้วย“ผลิตภัณฑ์ตะกาฟุลออมทรัพย์ 10/4” ที่มีจุดเด่นที่ให้ความคุ้มครองระยะยาว 10 ปี แต่ชำระเงินสมทบตะกาฟุลระยะสั้นเพียง 4 ปี และจะได้รับฮิบะห์ (เงินจ่ายคืน) สูงถึงปีละ 7%* โดยผู้ที่สนใจออมเงินผ่านผลิตภัณฑ์ตะกาฟุลนี้ สามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน – 70 ปี เงินหลักประกันตะกาฟุล   ขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 20,000 บาท  สมัครได้ง่ายโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพและไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ และเงินสมทบตะกาฟุลเท่ากันทุกเพศ ทุกวัย อีกด้วย

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การวางแผนชีวิตและออมเงินระยะยาว บริษัทฯได้นำเสนอ “ตะกาฟุลออมทรัพย์ 20/15” เน้นการออมเงินระยะยาวด้วยจำนวนเงินสมทบตะกาฟุลที่ไม่สูงมากนัก พร้อมความคุ้มครองชีวิตถึง 20 ปี แต่ชำระเงินสมทบตะกาฟุล 15 ปี เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้แก่ครอบครัว และอาจได้รับเงินปันผลพิเศษด้วย

“ความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ในโครงการ “รวมพลังสร้างสรรค์ตะกาฟุล” นี้ ถือเป็นความร่วมมือต่อเนื่องเป็นปีที่ 2   หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในโครงการแรก  หรือ โครงการ “ตะกาฟุลร่วมใจเพื่อ IBank”  ซึ่งมีผลตอบรับเป็นอย่างดี  นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังยึดมั่นในนโยบาย “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” และให้ความสำคัญในการนำเสนอสิ่งที่เราห่วงใยให้กับพี่น้องชาวมุสลิมและประชาชนทั่วไป ผ่านผลิตภัณฑ์ตะกาฟุลของบริษัทฯ ซึ่งเรามีคณะกรรมการเมืองไทยชะรีอะห์ ที่ให้คำปรึกษาในด้านหลักการศาสนาที่ถูกต้องและโปร่งใส  อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์รูปแบบการออมเงินและวางแผนชีวิตระยะยาวผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบตะกาฟุลให้แก่พี่น้องชาวมุสลิม จึงมั่นใจได้ว่าจะเป็นทั้งทางเลือกการออมเงินที่น่าสนใจและถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามอย่างแน่นอน” นายสาระ กล่าว