ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังซาอุดิอาระเบียหนุนต่อระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังซาอุดิอาระเบียสนับสนุนการต่อระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิต
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 12 เมษายน 2560
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังซาอุดิอาระเบียแสดงความประสงค์ที่จะขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อไปอีก 6 เดือนหลังจากเดือน มิ.ย. 2560 โดยประเทศในกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะตกลงต่อระยะเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ หากประเทศนอกกลุ่มโอเปกให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน
+ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันดิบได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยสถานบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 7 เม.ย. 2560 ปรับลดลงราว 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สวนทางกับคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 87,000 บาร์เรลต่อวัน
- อย่างไรก็ตาม ตลาดมีความกังวลว่าอุปสงค์จะถูกกดดันจากปัญหาสงครามการเมืองของประเทศเกาหลีเหนือและประเทศซีเรีย หลังสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียยกเลิกการสนับสนุนต่อประธานาธิบดี บาซาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน ทำให้สหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 59 ลูกเป็นการตอบโต้ และต่อมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าสหรัฐฯ พร้อมจัดการกับประเทศเกาหลีเหนือ แม้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากจีน
+ ความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางการเมืองยังคงร้อนแรง หลังประเทศเกาหลีเหนือแสดงความพร้อมในการทำสงครามและขู่โจมตีสหรัฐฯ ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จากการที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เคลื่อนกำลังพลเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตกมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรเกาหลี
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในภูมิภาคที่ยังตึงตัวเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคคงตัว สนับสนุนโดยแรงซื้อจากประเทศปากีสถาน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่อยู่ในระดับสูงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาค ประกอบกับแรงซื้อจากศรีลังกา เวียดนาม ปากีสถาน กาตาร์และเคนยา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์เผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกทั้ง 13 ประเทศปรับลดลงราว 230,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ระดับ 32.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำโดยการปรับลดลงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งปรับลดตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตและการปิดซ่อมบำรุงของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ เหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย และการปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรีย นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 โดยล่าสุดผู้ผลิตหลายรายทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกสนับสนุนข้อตกลงนี้
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากอัตราการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 90.8 หลังโรงกลั่นกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง และเพิ่มอัตราการกลั่นเพื่อรองรับอุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูขับขี่ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองปริมาณการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ไม่ได้ปรับลดตามที่คาดไว้
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 12 เมษายน 2560
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังซาอุดิอาระเบียแสดงความประสงค์ที่จะขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อไปอีก 6 เดือนหลังจากเดือน มิ.ย. 2560 โดยประเทศในกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะตกลงต่อระยะเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ หากประเทศนอกกลุ่มโอเปกให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน
+ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันดิบได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยสถานบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 7 เม.ย. 2560 ปรับลดลงราว 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สวนทางกับคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 87,000 บาร์เรลต่อวัน
- อย่างไรก็ตาม ตลาดมีความกังวลว่าอุปสงค์จะถูกกดดันจากปัญหาสงครามการเมืองของประเทศเกาหลีเหนือและประเทศซีเรีย หลังสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียยกเลิกการสนับสนุนต่อประธานาธิบดี บาซาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน ทำให้สหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 59 ลูกเป็นการตอบโต้ และต่อมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าสหรัฐฯ พร้อมจัดการกับประเทศเกาหลีเหนือ แม้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากจีน
+ ความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางการเมืองยังคงร้อนแรง หลังประเทศเกาหลีเหนือแสดงความพร้อมในการทำสงครามและขู่โจมตีสหรัฐฯ ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จากการที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เคลื่อนกำลังพลเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตกมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรเกาหลี
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในภูมิภาคที่ยังตึงตัวเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคคงตัว สนับสนุนโดยแรงซื้อจากประเทศปากีสถาน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่อยู่ในระดับสูงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาค ประกอบกับแรงซื้อจากศรีลังกา เวียดนาม ปากีสถาน กาตาร์และเคนยา
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์เผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกทั้ง 13 ประเทศปรับลดลงราว 230,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ระดับ 32.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำโดยการปรับลดลงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งปรับลดตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตและการปิดซ่อมบำรุงของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ เหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย และการปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรีย นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 โดยล่าสุดผู้ผลิตหลายรายทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกสนับสนุนข้อตกลงนี้
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากอัตราการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 90.8 หลังโรงกลั่นกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง และเพิ่มอัตราการกลั่นเพื่อรองรับอุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูขับขี่ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองปริมาณการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ไม่ได้ปรับลดตามที่คาดไว้
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์