พาณิชย์เกาะติดสงครามในซีเรีย มั่นใจยังไม่มีผลกระทบในระยะสั้นยกเว้นราคาน้้ามัน

10 เม.ย. 2560 | 03:13 น.
นางอภิรดี  ตันตราภรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ในซีเรียว่า ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคาสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ โจมตีฐานทัพอากาศเชย์รัตของซีเรียเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2560 เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนในซีเรียนั้น กระทรวงพาณิชย์มองว่า การโจมตีซีเรียครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย แต่อาจจะทาให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องแบ่งกาลังทหารและงบประมาณจากการต่อสู้ ISIS ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ จึงคาดว่า สหรัฐฯ ไม่น่าจะดาเนินการในซีเรียต่อไปนานนัก นอกจากนี้ กฎหมายสหรัฐฯ มอบอานาจให้ผู้ดารงตาแหน่งประธานาธิบดี “ประกาศสงคราม” หรือ “แทรกแซงทางทหาร” ต่อรัฐใดรัฐหนึ่ง ซึ่งเกิดสถานการณ์รุนแรงและเลวร้ายที่อาจส่งผลกระทบต่อสหรัฐในอนาคต โดยปฏิบัติการทางทหารต้องเสร็จสิ้นภายใน 60 วัน และกองทัพสหรัฐมีเวลาไม่เกิน 30 วันในการถอนทหาร ดังนั้น หากสหรัฐฯ จะทาสงครามกับซีเรียมากกว่าระยะเวลาดังกล่าว จะต้องได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสก่อน ซึ่งอาจจะใช้เวลานานในการพิจารณา

ตัวแปรสาคัญในขณะนี้ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย เพราะรัสเซียมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลซีเรีย แต่ในเบื้องต้น รัสเซียแสดงความไม่พอใจกับปฏิบัติการของสหรัฐฯ โดยเห็นว่า เป็นการกระทาเกินกว่าเหตุ และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน เนื่องจากไม่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ก่อน ซึ่งรัสเซียได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ รอผลการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นการใช้อาวุธเคมีจริงหรือไม่ ก่อนที่จะดาเนินการใดๆ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ ทราบว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และรัสเซีย มีกาหนดจะพบกัน (นัดหมายไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์ในซีเรีย) ซึ่งก็หวังว่า จะหาข้อสรุปร่วมกันได้ในเชิงสร้างสรรค์

สาหรับพัฒนาการล่าสุด ที่สหรัฐฯ ส่งเรือรบบรรทุกเครื่องบินเข้าไปใกล้เกาหลีเหนือนั้น คงต้องขอดูก่อนว่า จะมีปฏิบัติการใดตามมาหรือไม่ ก่อนที่จะให้ข้อคิดเห็นต่อไป

สาหรับผลกระทบต่อไทยในชั้นแรกนี้ คงจะเป็นเรื่องของราคาน้ามัน ซึ่งผลของปฏิบัติการทาให้ ราคาน้ามันวันศุกร์ปรับเพิ่มขึ้นทุกตลาด คือ WTI + 1.04% เป็น 52.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล Brent + 0.64% เป็น 55.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และทอง (Comex) +0.32% เป็น 1,257.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ และคาดว่าจะยังมีแนวโน้มและทิศทางที่เพิ่มขึ้น หากสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน ซึ่งอาจจะส่งผลดีในแง่ว่า การส่งออกไทยในสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ามันอาจจะได้ราคาดีเพิ่มขึ้น แต่ผลในเชิงลบอาจจะมีมากกว่า โดยเฉพาะกรณีที่เกิดภาวะสู้รบยืดเยื้อ เพราะความตึงเครียดอาจทาให้การค้าขายและการลงทุนโลกชะลอตัว สืบเนื่องจากการขาดความมีเสถียรภาพในเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ราคาน้ามันที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนและราคาสินค้าซึ่งอาจจะทาให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อมิให้ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อานวยการสานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การประมาณการณ์ตัวเลขส่งออกที่ 3.0-3.5% และอัตราเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ ที่กาหนดไว้ที่ 1.5-2.2% นั้นใช้สมมติฐานว่า ราคาน้ามันอยู่ระหว่าง 50-60 เหรียญสหรัฐฯ ราคาน้ามันที่เพิ่มขึ้นในชั้นนี้ จึงยังไม่น่ามีผลต่อการคาดการณ์ทั้งสองด้าน เพราะยังอยู่ในช่วงที่กระทรวงประมาณไว้