มันสมองของคันทรี่ กรุ๊ป "สดาวุธ เตชะอุบล"

13 เม.ย. 2560 | 08:00 น.
สดาวุธ เตชะอุบล กุนซือใหญ่ ผู้ที่คอยกำหนดทิศทางและนโยบายของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งวันนี้เขานำพาธุรกิจให้กลับขึ้นมายืนแถวหน้าอย่างแข็งแกร่งไม่ใช่เฉพาะแค่ บริษัท คันทรี่ดีเวลลอปเมนท์ ( CGD) หรือ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ( CGH ) เท่านั้น แต่บริษัทที่ CGH เข้าไปลงทุนอย่างผาแดง อินดัสทรี ( PDI ) สัดส่วนการถือหุ้น 25 % และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม เอ็มเอฟซี ( MFC ) 24.93 % ล้วนมีผลประกอบการเติบโต

วันนี้ธุรกิจในกลุ่มของคันทรี่ กรุ๊ป ซึ่ง สดาวุธ ได้ส่งไม้ต่อไปยังลูกชาย ทั้ง 2 คน คือ เบน เตชะอุบล ลูกชายคนที่ 2 ที่ไว้วางใจให้ดูแลกิจการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ CGD ส่วน ทอมมี่ เตชะอุบล ลูกชายคนเล็ก ดูแลธุรกิจการลงทุน CGH ขณะที่ลูกสาวคนเดียว หลุยส์ เตชะอุบล ดูแลบริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง ( TRITN) บริษัทนอกกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป

สดาวุธ เริ่มต้นชีวิตการทำธุรกิจด้วยวัย 19 ปีจากการเป็นพ่อค้าขายลูกไม้ด้วยเงินแชร์ 4 แสนบาท ที่แม่ตั้งให้ จากนั้นวัย 28 ปี เขาเริ่มมีธุรกิจของตัวเอง และรุ่งเรืองสุดขีดยุคที่อาณาจักรคันทรี่ ทำโครงการพัฒนาที่ดินมูลค่านับหมื่นล้านบาท ส่งให้ สดาวุธ ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับ 20 กว่าจากการจัดอันดับของฟอร์บ แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดปี 2540 การลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ธุรกิจในกลุ่มคันทรี่ เสียหาย เช่นเดียวกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ ทรัพย์สินที่มีหลายหมื่นล้านบาท เหลือไม่มาก

ท่ามกลางความเสียหายมากมาย สดาวุธ คิดแค่ว่า ทำอย่างไรให้อยู่รอดได้ และต้องลุกขึ้นให้ได้ด้วยตัวเอง เพราะชีวิตต้องเดินต่อ ซึ่งช่วงเจอวิกฤตยอมรับว่าเหนื่อย และไม่เคยคิดว่าจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง มาถึงจุดนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้หยุดการเติบโตของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป และถ้ามีโอกาสและจังหวะ ก็ขยายกิจการต่อไปเรื่อย ๆ

วันนี้ของ“สดาวุธ” กับความพอใจในสิ่งที่มี บนพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่โต แต่เขาถือเป็นลูกชายคนโต ที่มีส่วนสร้างวงศ์ตระกูล “เตชะอุบล” จึงทำให้เขาอยากจะรักษาและปกป้อง “เตชะอุบล” ไว้ให้เจริญยั่งยืน ด้วยหลักการทำธุรกิจที่ตรงไปตรงมาทำให้ถูกต้อง รวมทั้งต้องกล้าตัดสินใจทำอะไรที่ถูกต้อง รวมทั้งนโยบาย่ที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้รับมอบนโยบายมาปฏิบัติ เดินตามอย่างตรงไปตรงมา

สดาวุธ บอกว่า การตัดสินใจ เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งความเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้กล้าที่จะตัดสินใจ อย่างดีถ้าผิดพลาดก็เสียหาย ซึ่งการตัดสินใจและประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนให้ขาดทุนไม่ได้ เพราะตั้งแต่ที่เขาเริ่มธุรกิจ ไม่มีเงินมาให้ขาดทุน ทุกอย่างทำไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว ผิดพลาดไม่ได้ และต้องแก้ปัญหาให้ได้ วิกฤตที่เจอมา มาจากสิ่งแวดล้อมวิกฤตเศรษฐกิจ ที่คาดไม่ถึง แต่สามารถป้องกันได้ หากมีการวางแผนที่ดี ซึ่งหลายครั้งที่การลงทุนต้องมองระยะยาว และมองหลายด้าน นั่นเป็นเหตุผลและองค์ประกอบที่ทำให้กลุ่มคันทรี่ กรุ๊ปและธุรกิจที่เข้าไปลงทุน มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง

“ การซื้อกิจการมองบุ๊ป ต้องรู้ว่าน่าลงทุนหรือไม่ ธุรกิจและบริษัทต้องดีพอสมควร ลงทุนแล้วต่อยอด ปรับปรุงแก้ไขได้เหมือนการลงทุนใน ผาแดง ฯ ซื้อทรัพย์สิน ซื้อโรงแรม ต้องมองว่าทรัพย์สินยังดี บางครั้งของถูก ก็ไม่มีของดี ซึ่งการซื้อของอยู่ที่ประสบการณ์และความรู้สึกของเรา ไม่ใช่อะไรก็ได้ หรือหยวน ๆ มีโอกาสเจ๊ง ผิดหวังได้ เพราะถ้ามองและตัดสินใจผิดหรือพลาด นั่นหมายถึงการสูญเสีย ผมให้ความละเอียดของทุกเรื่อง”

บนความสำเร็จของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป มาพร้อมกับการส่งไม้ต่อให้ทายาททั้ง 2 “เบน &ทอมมี่” เป็นความภาคภูมิใจลึกๆๆของคนเป็นพ่อ ซึ่งสดาวุธ ใช้วิธีการชี้แนะ ส่งเสริมและให้กำลังลูก โดยเชื่อว่าถ้าลูกคนไหนเชื่อฟังก็จะเติบโตรุ่งเรือง ลูก ๆ ทั้ง 4 ของสดาวุธ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากออสเตรเลียทุกคน และลูก ๆ ทั้ง 4 มาศึกษาต่อด้านการบริหารธุรกิจ ( MBA ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการสร้างคอนเน็กชั่นต่อยอดทางธุรกิจ เป็นการมองการณ์ไกลของสดาวุธ

ด้วยประสบการณ์และวัยที่ถึงเวลาต้องส่งธุรกิจให้กับลูก ๆ สานต่อ คอยบอกเขาเสมอว่า การลุย การคลุกคลี กับสิ่งที่ทำ และการเรียนรู้ตลอดเวลาที่ไม่สิ้นสุด การทำธุรกิจถูกต้องตรงไปตรงมา พา “สดาวุธ” และพร้อมกับธุรกิจในกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป ฟื้นกลับขึ้นมายืนได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ภายใต้มันสมองของ “สดาวุธ เตชะอุบล”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,251 วันที่ 9 - 12 เมษายน พ.ศ. 2560