ซิงเกอร์ฯวางเป้ายอดขายโต35%
https://www.youtube.com/watch?v=3wMqpUZXQcw
ซิงเกอร์ฯ ตั้งเป้ากลับมาเติบโต 35% หลัง 2 ปีที่ผ่านมารายได้ลดลง เหตุปรับระบบบริหารงานภายใน พร้อมควักทุน 100 ล้านพัฒนาระบบงานขายและปรับปรุงร้านค้า ชูกลยุทธ์ปูพรมตัวแทนขานและสินค้าใหม่ดันยอด ขณะที่ไตรมาส 2 จัดแคมเปญรับร้อน
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการและผู้อำนวยการสายงานการขายและการตลาด บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตด้านยอดขายไว้ 35% หลังจากปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทลดลง 15% เนื่องจากเป็นช่วงการปรับระบบการบริหารงานภายใน ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้ปีนี้ใกล้เคียงกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันปีนี้ยังได้ลงทุนพัฒนาระบบการบริหารงานขาย รวมถึงการขยายหน้าร้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจด้วย
สำหรับกลยุทธ์สำคัญในปีนี้ที่จะผลักดันให้บริษัทสามารถมีผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ คือการขยายหน่วยขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นคน จากปัจจุบันมี 1.3 คน การเพิ่มสาขาหลักที่มีขนาดใหญ่เป็น 200 แห่ง จากปัจจุบันมี 180 แห่ง การเพิ่มสาขาย่อยและหน่วยขายจาก 400 แห่งเป็น 600 แห่ง นอกจากนี้ยัง เพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ยานยนตร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจการบริหารใหม่ จากปัจจุบันมีสินค้าที่ทำตลาด 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน กลุ่มสินค้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น ตู้แช่ ตู้เติมเงิน และกลุ่มโทรศัพท์มือและกล้องถ่ายรูป โดยมีสัดส่วนรายได้ที่ใกล้เคียงกัน
นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 บริษัทยังได้จัดแคมเปญ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ว่า ด้วยการเตรียมเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า สำหรับหน้าร้อนนี้เป็นพิเศษ พร้อมจัดทำแคมเปญพิเศษสุดๆ นำเสนอให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายและอาชีพ ให้สามารถเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ ด้วยการส่งสินค้าตรงถึงบ้าน และผ่อนสบายๆ ได้โดยไม่ต้องมีสลิปเงินเดือนเพียงหลักสิบบาทต่อวัน โดยได้นำเครืองใช้ไฟฟ้าใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ 7 รุ่นมาจัดแคมเปญดังกล่าว อันประกอบด้วย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และแอร์ โดยสามารถผ่อนเบาๆ อาทิ ตู้เย็นผ่อนเพียงวันละ 22 บาทและแอร์ผ่อนสบายวันละ 33 บาท พร้อมด้วยช่างบริการที่เตรียมพร้อมสำหรับส่งสินค้า และติดตั้งให้ถึงบ้านฟรี! จึงมั่นใจว่าแคมเปญดังกล่าวจะทำให้ทีมขายสามารถจำหน่ายตู้เย็นและแอร์ได้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และจะทำให้ยอดขายสินค้าเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ซิงเกอร์ฯ ตั้งเป้ากลับมาเติบโต 35% หลัง 2 ปีที่ผ่านมารายได้ลดลง เหตุปรับระบบบริหารงานภายใน พร้อมควักทุน 100 ล้านพัฒนาระบบงานขายและปรับปรุงร้านค้า ชูกลยุทธ์ปูพรมตัวแทนขานและสินค้าใหม่ดันยอด ขณะที่ไตรมาส 2 จัดแคมเปญรับร้อน
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการและผู้อำนวยการสายงานการขายและการตลาด บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตด้านยอดขายไว้ 35% หลังจากปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทลดลง 15% เนื่องจากเป็นช่วงการปรับระบบการบริหารงานภายใน ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้ปีนี้ใกล้เคียงกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันปีนี้ยังได้ลงทุนพัฒนาระบบการบริหารงานขาย รวมถึงการขยายหน้าร้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจด้วย
สำหรับกลยุทธ์สำคัญในปีนี้ที่จะผลักดันให้บริษัทสามารถมีผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ คือการขยายหน่วยขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นคน จากปัจจุบันมี 1.3 คน การเพิ่มสาขาหลักที่มีขนาดใหญ่เป็น 200 แห่ง จากปัจจุบันมี 180 แห่ง การเพิ่มสาขาย่อยและหน่วยขายจาก 400 แห่งเป็น 600 แห่ง นอกจากนี้ยัง เพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ยานยนตร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจการบริหารใหม่ จากปัจจุบันมีสินค้าที่ทำตลาด 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน กลุ่มสินค้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น ตู้แช่ ตู้เติมเงิน และกลุ่มโทรศัพท์มือและกล้องถ่ายรูป โดยมีสัดส่วนรายได้ที่ใกล้เคียงกัน
นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 บริษัทยังได้จัดแคมเปญ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ว่า ด้วยการเตรียมเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า สำหรับหน้าร้อนนี้เป็นพิเศษ พร้อมจัดทำแคมเปญพิเศษสุดๆ นำเสนอให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายและอาชีพ ให้สามารถเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ ด้วยการส่งสินค้าตรงถึงบ้าน และผ่อนสบายๆ ได้โดยไม่ต้องมีสลิปเงินเดือนเพียงหลักสิบบาทต่อวัน โดยได้นำเครืองใช้ไฟฟ้าใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ 7 รุ่นมาจัดแคมเปญดังกล่าว อันประกอบด้วย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และแอร์ โดยสามารถผ่อนเบาๆ อาทิ ตู้เย็นผ่อนเพียงวันละ 22 บาทและแอร์ผ่อนสบายวันละ 33 บาท พร้อมด้วยช่างบริการที่เตรียมพร้อมสำหรับส่งสินค้า และติดตั้งให้ถึงบ้านฟรี! จึงมั่นใจว่าแคมเปญดังกล่าวจะทำให้ทีมขายสามารถจำหน่ายตู้เย็นและแอร์ได้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และจะทำให้ยอดขายสินค้าเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด