แบงก์ยิ้มบจ.โหมลงทุน BTS คาดรถไฟ 2 สายขอสินเชื่อ 6.7 หมื่นล.-CPF ใช้หุ้นกู้เทกอังกฤษ

06 เม.ย. 2560 | 04:00 น.
เอกชนระดมทุนไม่หยุดทั้งในและต่างประเทศ “คีรี”เผยสีชมพู-สีเหลืองใช้เงินทุนกว่า 2 หมื่นล้าน ธนาคารคุมดี/อีไม่เกิน 2.5 เท่า CPF เทกโอเวอร์บริษัทขายเนื้อและอาหารสำเร็จรูปของอังกฤษ เร่งขยายตลาดสหภาพยุโรป

ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะวันที่ 3 เมษายน 2560 บริษัทจดทะเบียน(บจ.) ประกาศข่าวเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 3 เมษายน 2560 มีมติอนุมัติการยื่นข้อเสนอเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง รวมถึงข้อเสนอของส่?วนต่?อขยายของโครงการทั้ง 2 คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาสัมปทานได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2560 และจะใช้เงินลงทุนในโครงการที่จะมาจากเงินทุนราว 2.1-2.5 หมื่นล้านบาท เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง โดยกิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ ซึ่งประกอบด้วย บริษัทฯ ถือหุ้น 75% บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์? คอน สตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ STEC ถือหุ้น 15% และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ RATCH ถือ 10% โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 3,500 ล้านบาท คาดใช้เวลาก่อนสร้าง 3 ปี 3 เดือนนับตั้งแต่วันส่งมอบที่ดิน ก่อนเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2563หรือต้นปี 2564 บริษัทจะต้องมีทุนเรียกชำระแล้ว ไม่น้อยกว่า 14,000 ล้านบาทถึง 17,423 ล้านบาท ตามเงื่อนไขของธนาคารพาณิชย์ที่จะกำหนดให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 2.5 เท่า และบริษัททั้ง 3 แห่งต้องร่วมกันค้ำประกันตลอดอายุสัมปทาน 33 ปี 3 เดือน ยกเว้นว่าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วไม่ต้องค้ำประกัน

“การลงทุนครั้งนี้ BTS ไม่เคยคิดเรื่องเพิ่มทุน เนื่องจากมีความพร้อมด้านเงินทุนและมีช่องทางการระดมทุนหลายวิธี เช่น การนำโครงการเข้ากองทุน บีทีเอสโกรทหรือ BTSGIF ส่วนเงินปันผล ก็ไม่ได้รับผลกระทบ เรพยายามจ่ายให้มากที่สุด ที่ผ่านมา บริษัทจ่ายประมาณ 80-90% มากกว่านโยบายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 50% และยังจะจ่ายเงินปันผลพิเศษได้อีก หลังจากที่รถไฟฟ้าทั้งสองเส้นเปิดให้บริการ เพราะคาดว่ารายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า จากงวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท เนื่องจาก BTS จะมีสายทางเดินรถไฟฟ้าเพิ่มเป็น 141 กิโลเมตร และจำนวนผู้โดยสารในระบบของ BTS เพิ่มเป็น 2 ล้านเที่ยวคนต่อวัน”นายคีรีกล่าว

นอกจากนั้น BTS ยังมีความพร้อมด้านเงินทุน ด้านบุคคลากรและความสัมพันธ์ และประสบการณ์ในธุรกิจนี้ พร้อมจะลงทุนในโครงการที่รัฐจะเปิดประมูลใหม่ ทั้งระบบราง ทางด่วนและทางอากาศรวมถึงการหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศด้วย

ด้าน บริษัทเจริญโภคภัณฑ์(CPF) ยังคงเดินหน้าซื้อกิจการในต่างประเทศ ล่าสุดใช้บริษัทย่อยคือ CPF Investment Limited (CPFI)ลงนามในสัญญาซื้อหุ้น ทั้งหมดใน Westbridge Food Group Limited (WFGL) โดยมีมูลค่ากิจการรวมประมาณ 60 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 2,600 ล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนใช้ของ CPFI และเงินกู้ยืมภายในกลุ่ม CPF

ทั้งนี้ CPF มีการออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ CPF ที่ระดับ “A+" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ที่ระดับ “A-" โดยแนวโน้มยังคง “คงที่ โดยจุดแข่งของบริษัทถูกลดทอนลงบางส่วนจากระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับ WFGL เป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักร ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารสำเร็จรูป ให้กับลูกค้าที่เป็น ร้านค้าปลีก ฟู้ดเซอร์วิส โรงงานผลิตอาหาร ในประเทศอังกฤษ รวมทั้งกลุ่มประเทศ ในสหภาพยุโรปโดย WFGL มีการลงทุนในบริษัท ที่มีโควตานำเข้า เนื้อสัตว์ปีกและสินค้าที่ ทำจากเนื้อสัตว์ปีก สู่สหภาพยุโรป จำนวน 117 แห่งในประเทศอังกฤษ และ 16 แห่ง ในประเทศเนเธอร์แลนด์ อีกทั้งยังมีโรงงานสำหรับ repack สินค้า โดยในปี 2559 WFGL มีกำไรสุทธิ 446 ล้านบาท และปี2558 มีกำไรสุทธิ 173 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,250 วันที่ 6 - 8 เมษายน พ.ศ. 2560