ONE-STOXXASEAN กองทุนแรกของไทยพร้อมซื้อขายตลาดหุ้นสิงคโปร์ 5 เม.ย.

04 เม.ย. 2560 | 12:37 น.
บลจ.วรรณ มั่นใจนักลงทุนตอบรับ ONE-STOXXASEAN เข้าเทรดตลาดหุ้นสิงคโปร์ 5 เม.ย. เชื่อมั่นเศรษฐกิจอาเซียนยังเติบโตได้ดีอีก 3-5 ปีข้างหน้า

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินตามแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในการขยายธุรกิจจัดการกองทุนไปยังภูมิภาคอาเซียน โดยนำกองทุนวรรณ STOXX อาเซียน (ONE-STOXXASEAN) ซึ่งเป็นกองทุน Smart-Beta ETF  กองทุนแรกในประเทศไทยเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์เป็นวันแรกในวันที่ 5 เม.ย.2560

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนเหมือนหลักทรัพย์ 1 ตัวในตลาดหุ้นสิงคโปร์ โดยมี Flow Traders Asia , Philip Securities และ Commerzbank ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่องการซื้อขาย และซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีหน่วยซื้อขายขั้นต่ำ 100 หน่วย

นายพจน์ กล่าวว่า กองทุน ONE-STOXXASEAN เป็นกองทุนประเภท Index Fund มีนโยบายการลงทุนในหุ้นของดัชนี STOXX ASEAN Select Dividend 30 ซึ่งมีอัตราการจ่ายปันผลและมีอัตราการเติบโตของกำไรในระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนภูมิภาคอาเซียน จำนวน 30 บริษัท ประกอบกับด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนามและไทย เพื่อสร้างผลตอบแทนตามดัชนี STOXX ASEAN Select Dividend 30 โดยปัจจุบันอัตราการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนในประเทศภูมิภาคอาเซียน ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนามและไทย อยู่ที่ระดับ  3% 3.2% 2.6% 3.7% 4.3%  และ 3.8% ตามลำดับ โดยในช่วงเฉลี่ยกว่า 10 ปีที่ผ่านมา หากเทียบสัดส่วนอัตราการจ่ายเงินปันผล พบว่า ประเทศสิงคโปร์ เวียดนามและไทย มีสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าภูมิภาคยุโรปที่ระดับ 3.5% (ข้อมูล STOXX  ณ  เดือนมกราคม 2560)

สำหรับราคาฃือขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในวันที่ 5 เม.ย.นี้จะใช้ราคาปิดของกองทุนสิ้นวันที่ 4 เม.ย.60 ขณะที่ราคาต่อมูลค่าหน่วยลงทุน วันที่ 3เม.ย.60 อยู่ที่ 2.9172 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหน่วย

ปัจจุบันกองทุนในไทยมีขนาดสินทรัพย์ 500 กว่าล้านบาทและจากความต้องการของนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในกองทุนที่จะซื้อขายในวันพรุ่งนี้ คาดว่ากองทุนจะมีขนาด 1,000 ล้านบาทได้ตามเป้า

"มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุน จากจุดเด่นของกองทุนลงทุนในหุ้นปันผลสูง 30 ตัวในอาเซียน โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกจากนโยบายการจ่ายเงินปันผลจะต้องต่ำกว่า 80%  หากหุ้นตัวไหนจ่ายสูงกว่านี้อาจไม่นำเงินไปขยายกิจการให้เติบโต ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนแถบเอเชียเหนือ เช่นไต้หวัน เกาหลีญี่ปุ่นน่าจะสนใจโดยเฉพาะที่ใต้หวัน ฃึงกลุ่มเคจีไอผู้ถือหุ่นใหญ่ของบริษัทมีฐานลูกค้าอยู่"นายพจน์กล่าว

นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจประเทศหลักฟื้นตัวชัดเจนขึ้น นำโดยเศรษฐกิจประเทศสหรัฐฯ ขณะที่เศรษฐกิจในแถบยูโรโซนและประเทศจีนยังทรงตัว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง อีกทั้ง ปัจจุบันยังมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียรวมถึงอาเซียน อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมีปริมาณที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา แต่หากวิเคราะห์ในเชิงเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนมีทิศทางที่ดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษกิจของภาครัฐบาลแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ควบคู่กันทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง อาทิ การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งบริษัทมองว่า ถัดจากนี้ไปเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถเพิ่มความน่าสนใจเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนเฉลี่ยประมาณ 4-5% ต่อปี โดยคาดว่าประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทยและเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตของ GDP ในระดับสูงสุด ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนส่วนใหญ่จะมาจากการบริโภคภายในประเทศที่เติบโตขึ้น อีกทั้ง ภาคการส่งออกจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ความมั่นคงทางการเมืองและรัฐบาลจะช่วยสร้างเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

นางเชอร์เลย์ โลว์ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าส่วนงานภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค บริษัท STOXX จำกัด  ในฐานะผู้บริหารดัชนี STOXX เปิดเผยว่า ถือเป็นกองทุน ETF กองทุนแรกภายใต้โครงการ ASEAN CIS ในประเทศสิงคโปร์ อีกทั้งยังเป็นกองทุนแรกที่เลือกใช้กลยุทธ์ Smart-beta ในภูมิภาคอาเซียน