แฟชั่นผู้ชายออกหมัด แข่งโปรโมชันชิงจังหวะกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้น

06 เม.ย. 2560 | 05:00 น.
ตลาดแฟชั่นชายส่งสัญญาณฟื้นตัว พบผู้บริโภคเริ่มช็อปมากขึ้น ส่งผลผู้เล่นเร่งปรับกลยุทธ์จ้าละหวั่น หวังกระตุ้นยอดขาย ทั้งออกสินค้าใหม่ ขยายจุดขาย โปรโมชันลด แลก แจกแถมหวังโกยยอดเพิ่ม

ต้องยอมรับว่าไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา ตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นปรับตัวลดลงจากบรรยกาศบ้านเมืองอยู่ในภาวะโศกเศร้า ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอย แต่สำหรับช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ สถานการณ์เริ่มปรับตัวดีขึ้น จากกำลังซื้อที่เริ่มกลับมา ผู้บริโภคเริ่มใช้จ่ายส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องทำการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ และเพิ่มยอดขายมากขึ้น ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน

นายพิพิธ พงษ์พิพัฒนากุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายยีนส์ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ลี คูเปอร์ เปิดเผยว่า กลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ลี คูเปอร์ จะใช้ 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อสร้างการเติบโตในปีนี้ 12% จากปีที่ผ่านมาเติบโต 10% ได้แก่ 1. การออกสินค้าใหม่ มีคุณภาพ และจับกลุ่มเป้าหมายอายุ 18-30 ปี 2.สร้างประสบการณ์ทางจุดขาย ทั้งภายในห้าง และออนไลน์ รวมถึงการเพิ่มจุดขายมากขึ้น 3. นวัตกรรมสินค้าที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ได้ร่วมกับคอตตอลยูเอสเอ ในการพัฒนาสินค้าออกมาทำตลาด

สำหรับจุดขายได้วางแผนเปิดเพิ่มอีก 3 จุดขาย จากปัจจุบันมี 100 จุดขาย ขณะที่จุดขายเดิมจะรีโนเวตใหม่อีก 10 จุดขายเพื่อให้มีความทันสมัยและตรงตามความต้องการของผู้บริโภค โดยได้เตรียมงบประมาณการลงทุนทั้งการขยายจุดขายเพิ่มและการรีโนเวตไว้ 15 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้เตรียมงบการตลาดไว้ 10% เพื่อทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วย

"กำลังซื้อของคนไทยในไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องความท้าทายของผู้ประกอบการ เพราะมีทั้งเรื่องของบรรยากาศและสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดยีนส์ในช่วง 2 เดือนแรกเริ่มเติบโต แต่ยังเป็นเลขตัวเดียว แต่มีเทรนด์ที่เติบโตเพิ่มมากขึ้น"

ด้านนายทัตเทพ ลีฬหเกรียงไกร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็ม.ซี.ที. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์แมนเชสเตอร์ (MANCHESTER) เซิร์ฟเท็ค (SURFTEX) กล่าวว่า ในปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโต 8% จากปีที่ผ่านมาเติบโต 3% ด้วยกลยุทธ์การตลาดภายในประเทศ ที่จะใช้กลยุทธ์โปรโมชั่น เช่น การซื้อสินค้าแและได้รับของแถม และการจัดทำรอยัลตี้โปรแกรม และเตรียมขยายจุดขายเพิ่มอีก 5 จุดขาย ทั้งในห้างสรรพสินค้าและร้านสแตนด์อะโลน ด้วยงบลงทุนรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท จากปัจจุบันมีจุดขายทั่วประเทศ 158 จุดขาย

ขณะที่แผนการตลาดในต่างประเทศจะเน้นการทำประชาสัมพันธ์ของแบรนด์ และการใช้ตราสัญลักษณ์คอตตอลยูเอสเอ รวมถึงการทำตลาดของตัวแทนจำหน่ายในเมียนมา ที่บริษัทได้เข้าไปทำตลาดมากเกือบ 30 ปี ซึ่งสินค้าไทยได้รับการยอมรับจากเมียนมา ถือว่าเป็นสินค้าพรีเมียม นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดในเวียดนาม สปป.ลาว และกัมพูชาด้วย ซึ่งสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศมี 30% และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

"กำลังซื้อในไตรมาสแรกนี้ มีเทรนด์เติบโตดีขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา แต่บริษัทต้องปรับการผลิตสินค้าให้ไม่ให้มีสีสันมากนัก โดยเป็นเสื้อผ้าสีสุภาพโทนดำ น้ำเงิน โทนสีเข้ม ซึ่งจากการใช้งบประมาณการตลาด 10% ของยอดขาย รวมถึงบรรยากาศที่ปรับตัวดีขึ้น จึงเชื่อว่าน่าจะทำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่คงต้องดูช่วงปลายปีอีกครั้งว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร"

นางสาวลัดดาวรรณ ปัญญาธร ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เอ็ม.ซี.ที.ฯ กล่าวว่า แผนการตลาดได้เตรียมจัดโปรโมชั่น และการขายสินค้าเป็นเซ็ต ที่มีของแถมไว้ให้ลูกค้า นอกจากนี้ ยังวางแผนขยายจุดขายไปในภูมิภาค ซึ่งวางแผนขยายจุดขายเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง ตามพื้นที่เช่าของไฮเปอร์มาร์เก็ตบิ๊กซีและโลตัส จากปัจจุบันมีจุดจำหน่ายสินค้าแบรนด์เซิร์ฟเท็คอยู่ 30 จุด เนื่องจากปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจะเข้าไปซื้อสินค้าตามไฮเปอร์มาร์เก็ต และใช้บริการต่างๆ ที่มีอยู่แบบครบวงจร ซึ่งได้เตรียมงบประมาณการลงทุนไว้ไม่เกิน 10 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้เติบโต 15% จากปีที่ผ่านมาเติบโต 10%

"แบรนด์เซิร์ฟเทคจับตลาดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น กำลังซื้อยังถือว่าใกล้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มดีขึ้น กลุ่มวัยรุ่นยังซื้อสินค้า แต่เทรนด์แฟชั่นปีนี้ได้ปรับลดสีสันลง และปรับโทนสีเป็นเทาและดำเพิ่มมากขึ้น ส่วนงบการลาดได้วางแผนใช้ในสัดส่วน 10% ของยอดขาย เพื่อกระตุ้นให้ยอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้"

นายไกรภพ แพ่งสภา ตัวแนคอตตอน ยูเอสเอ ในกลุ่มประเทศอาเซียน กล่าวว่า ในปีนี้ได้เตรียมงบประมาณ33 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการทำตลาดร่วมกับกลุ่มไลเซนซี ที่ปัจจุบันในประเทศไทยมีกลุ่มเสื้อผ้านและเคหะสิ่งทอ 27 แบรนด์ ด้วยกลยุทแบบดีมานด์พูล กับกลุ่มแบรนด์ไลเซนซี่ ด้วยการจัดกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารและสร้างความตระหนักรู้ในคุณภาพของสินค้าที่ทำจากเส้นใยฝ้ายคุณภาพ ไปยังกลุ่มผู้บริโภคคนไทยให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มอุปสงค์ให้กับกลุ่มคนไทย และใช้กลยุทธ์แบบซัพพลายพุช ที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่กลุ่มไลเซนซีโรงงาน
ล่าสุดได้แต่งตั้งตัวแทนใน 3 แบรนด์ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ เซิร์ฟเท็ค และลี คูเปอร์ โดยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแผนเพิ่มไลเซนซีอีก 2-3 แบรนด์ด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,250 วันที่ 6 - 8 เมษายน พ.ศ. 2560