เด้งผอ.ขสมก. ปลดล็อกจัดซื้อเมล์NGVได้จริงหรือ?

30 มี.ค. 2560 | 10:00 น.
คําสั่งปลดนายสุระชัย  เอี่ยมวชิรสกุล พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ให้ไปนั่งทำงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าไม่เหนือความคาดหมายของหลายคนเนื่องจากการแสดงออกของนายสุระชัยต่อกรณีการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คันของบริษัทเบสท์รินกรุ๊ปฯ ดูเหมือนจะเป็นไปค่อนข้างล่าช้า ทำนองเหมือนยื้อเวลาโดยไม่สามารถหาข้อยุติได้ชัดเจนสักที

แถมบางครั้งยังแสดงออกเสมือนคอยเอาอกเอาใจบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับขสมก. อย่างออกหน้าออกตาจนส่งผลให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นการปกป้องบริษัทนั้นๆมากเกินไปหรือไม่ ทั้งๆที่ความผิดหลายอย่างชัดเจน มีหลักฐานอ้างอิง แถมกรมศุลกากรยังออกแถลงหลายครั้ง แต่เมื่อมองทางขสมก. กลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยเฉพาะการสั่งล้มประมูลโครงการดังกล่าวเพื่อปลดล็อกปัญหาคาราคาซังมาหลายเดือน

 NGV489คันที่ไม่น่ามีปัญหา

หากย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้งการเซ็นสัญญาโครงการจัดซื้อรถเมล์ เอ็นจีวี 489 คัน ภาพจะแตกต่างกับวันนี้โดยสิ้นเชิงโดยวันนั้นไม่แสดงออกถึงปัญหาว่าจะส่งผลให้โครงการล่าช้าแต่อย่างใด ประการสำคัญโครงการนี้ได้รับการตรวจสอบจากสารพัดกลุ่มโดยเฉพาะคณะกรรมการคุณธรรม ที่ดูเหมือนว่าหากมีเกิดขึ้นที่ใดโครงการนั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จสักราย ทั้งการจัดซื้อเอ็นจีวี 489 คัน และโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง

การจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันของขสมก. เริ่มส่อแววความยุ่งยากมาตั้งแต่เริ่มต้น จากช่วงแรก 6,000 คันก็โดนปรับลดเหลือ 4,000 คันในยุครัฐบาลต่อมาเรื่อยๆ จนเหลือ 3,183 คันและลดเหลือล็อตแรกนำร่อง 489คันจนใหมี้การประมลู ในปีที่ผ่านมา ซึ่งคงไม่มีใครคาดคิดว่าทั้งๆที่เหลือจำนวนหลักร้อยคันก็ยังมีปัญหาให้ไม่ได้รับรถไปใช้งานเกิดขึ้นจนได้

 เริ่มต้นก็ยุ่ง สุดท้ายยังเหลว

เท่านั้นยังไม่พอตั้งแต่เริ่มโครงการก็ยังพบว่ามีการปรับแก้ไขเอกสารประกวดราคากันครั้งแล้วครั้งเล่า นอกเหนือจากการแต่งตั้งคณะกรรมการเกี่ยวกับโครงการนี้หลายคณะและหลายคนขอเข้าไปมีส่วนร่วม กว่าจะแล้วเสร็จต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี มีข้อบกพร่องหลายจุดและจุดส่อพิรุธให้ต้องโดนจับตามองว่าจะเกิดการคอร์รัปชันในจุดไหนได้บ้าง

เมื่อเข้าสู่การประมูลยังเกิดการฟ้องร้องระหว่าง 2 บริษัทที่เบียดกันแย่งประมูลจนส่งผลให้รายอื่นได้แต่มองตาปริบๆ อ้างสารพัดวิธีเพื่อถล่มคู่ต่อสู้ให้แหลกเป็นจุน จนสร้างความเอือมระอาให้ผู้เกี่ยวข้องมานักต่อนัก เกิดการสาวไส้กันสารพัดวิธีเพื่อหวังเขี่ยคู่ต่อสู้ให้พ้นทางไปเลย

ล่าสุดปมปัญหานี้ยังไม่จบหลังจากพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งให้นายสุระชัยไปปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของนายกฯในการบริหารจัดการอัตรากำลัง กรณีมีอัตราว่างสามารถจัดกำลังไปลงในอัตรานั้นได้ ซึ่งคำสั่งนี้มีผลทันที ขณะที่เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารกิจการ(บอร์ด) ขสมก.ที่มีพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เป็นประธานก็ได้แต่งตั้งให้นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่รักษาการแทน

 ยังมีเผือร้อนให้ระอุได้อีก

ดูเหมือนว่าเผือกร้อนที่นายสมศักดิ์ ห่มม่วง ได้รับในครั้งนี้หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะสามารถสานต่อและปลดล็อกปมปัญหาการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489คันได้หรือไม่ ตามที่บอร์ดได้มอบอำนาจให้เร่งพิจารณาเรื่องแหล่งกำเนิดรถ แหล่งประกอบรถ ว่าเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาและ TOR หรือไม่ ส่วนท้ายที่สุดนายสมศักดิ์จะกล้าเสนอยกเลิกประมูลหรือไม่นั้น ต้องจับตากันต่อไปแม้ไม่ได้เป็นตัวจริงแต่ก็มีอำนาจสั่งยกเลิกโครงการได้เช่นกันจะกล้าฟันธงหรือไม่...เท่านั้นเอง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,248
วันที่ 30 มีนาคม - 1 เมษายน พ.ศ. 2560