โจทย์แรก‘แคร์รี แลม’ นำฮ่องกงปรองดอง-ลดเหลื่อมล้ำรายได้

29 มี.ค. 2560 | 13:00 น.
“แคร์รี แลม” ว่าที่ผู้นำหญิงคนแรกของฮ่องกงเตรียมขึ้นรับตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าท่ามกลางความท้าทายหลายประการ ทั้งการรักษาผลประโยชน์ของฮ่องกงและจีนให้สมดุล รับมือกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ตลอดจนปัญหาความเหลื่อมลํ้าของรายได้

คณะกรรมการเลือกตั้งของฮ่องกงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีมติเลือกนางแคร์รี แลม ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงคนใหม่ โดยนางแลมซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าเลขาธิการฝ่ายบริหารได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งอีก 2 ราย คือ นายจอห์น จาง อดีตผู้บริหารด้านการคลัง และนายอู๋ กว๊อก หิง อดีตผู้พากษา ซึ่งการได้รับเลือกในครั้งนี้จะทำให้นางแลมได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำหญิงคนแรกของฮ่องกง โดยจะมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

ในการกล่าวสุนทรพจน์ภายหลังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ นางแลมได้ให้คำมั่นว่าภารกิจสำคัญลำดับต้น คือการแก้ไขความแตกแยกที่เกิดขึ้นในฮ่องกง "ภารกิจอันดับแรกของฉันคือการรักษาความแตกแยก และลดทอนความไม่พอใจที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสร้างความปรองดองในสังคมของเราเพื่อก้าวต่อไป"

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงไม่ยอมรับชัยชนะของนางแลมในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยมองว่าเธอเป็นผู้สมัครที่ฝ่ายจีนให้การสนับสนุน และไม่เชื่อมั่นว่านางแลมจะสามารถรักษาผลประโยชน์ให้กับชาวฮ่องกงได้อย่างสมดุลกับการรักษาผลประโยชน์ให้กับจีน เหมือนเช่นผู้นำคนก่อนๆ ของฮ่องกงล้มเหลว

ความไม่พอใจที่ความพยายามในการปรับเปลี่ยนกระบวนการเลือกตั้งของฮ่องกงไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มตัวล้มเหลว นำมาซึ่งการเคลื่อนไหวชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและทางการจีนครั้งใหญ่ในฮ่องกง หรือที่เรียกว่า อัมเบรลลา มูฟเมนต์ (Umbrella Movement) ในช่วงปี 2557 โดยทางการจีนปฏิเสธแนวความคิดที่จะใช้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด และให้ใช้ระบบการเลือกตั้งผ่านคณะกรรมการเลือกตั้งเพียง 1,200 คน ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สนับสนุนจีน

[caption id="attachment_137125" align="aligncenter" width="503"] โจทย์แรก‘แคร์รี แลม’ นำฮ่องกงปรองดอง-ลดเหลื่อมล้ำรายได้ โจทย์แรก‘แคร์รี แลม’ นำฮ่องกงปรองดอง-ลดเหลื่อมล้ำรายได้[/caption]

หลังจากการชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อ 3 ปีก่อน กระแสการต่อต้านรัฐบาลจีนก็มีเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้คนวัยหนุ่มสาวชาวฮ่องกง ซึ่งนี่จะเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้นำหญิงคนใหม่ของฮ่องกง นอกเหนือจากปัญหาความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และความเหลือมล้ำทางรายได้ที่อยู่ในระดับสูง

เศรษฐกิจฮ่องกงขยายตัว 1.9% เมื่อปีที่ผ่านมา เทียบกับปี 2558 ที่สามารถเติบโตได้ 2.4% ขณะที่ทางการฮ่องกงคาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตได้ระหว่าง 2-3%

ในขณะที่คนรวยในฮ่องกงมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ฮ่องกงยังเป็นเมืองหนึ่งที่ราคาที่อยู่อาศัยสูงที่สุดในโลก และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากความต้องการจากเศรษฐีจากจีนแผ่นดินใหญ่ แม้ว่ารัฐบาลฮ่องกงชุดปัจจุบันจะมีมาตรการออกมาแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะก็ยังอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากเมื่อ 10 ปีก่อน และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้

ขณะเดียวกัน ธุรกิจบริการทางการเงินที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจฮ่องกงกำลังเผชิญกับการแข่งขันในเวลาที่จีนพัฒนาศูนย์กลางด้านการเงินอื่นๆ ขึ้น ส่วนสถานะความเป็นผู้ส่งออกสินค้าอันดับ 7 ของโลกก็เผชิญกับความท้าทาย เมื่อบริษัทหันไปเลือกใช้ท่าเรืออื่นๆ ตามชายฝั่งของจีนมากขึ้น ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและค้าปลีกได้รับผลกระทบจากนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันของรัฐบาลจีน

ทั้งนี้ ในระหว่างการหาเสียง นางแลมได้ให้คำมั่นว่าแก้ปัญหาเรื่องราคาที่อยู่อาศัย ปรับแก้โนบายด้านภาษี สนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษา รวมถึงสร้างความหลากหลายในการพัฒนาเศรษฐกิจด้านต่างๆ พร้อมกันนี้ยังให้คำมั่นว่าจะดึงหนุ่มสาวชาวฮ่องกงให้เข้ามามีส่วนร่วมในการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านกิจการสาธารณะเพิ่มมากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,248
วันที่ 30 มีนาคม - 1 เมษายน พ.ศ. 2560